ดาวโจนส์ฟิวเจอร์ร่วงกว่า 100 จุด ผิดหวังยอดค้าปลีกต่ำเกินคาด

ข่าวหุ้น-การเงิน Friday August 14, 2020 20:18 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ดัชนีดาวโจนส์ฟิวเจอร์ร่วงลงกว่า 100 จุดในวันนี้ บ่งชี้ว่าตลาดหุ้นวอลล์สตรีทจะปรับตัวลงในคืนนี้ หลังการเปิดเผยยอดค้าปลีกที่ต่ำเกินคาดของสหรัฐ

นอกจากนี้ นักลงทุนยังกังวลต่อความขัดแย้งระหว่างทำเนียบขาวและสภาคองเกรสในการออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจสหรัฐ

ณ เวลา 20.11 น.ตามเวลาไทย ดัชนีดาวโจนส์ฟิวเจอร์ลบ 103 จุด หรือ 0.37% สู่ระดับ 27,720 จุด

กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า ยอดค้าปลีกเพิ่มขึ้นเพียง 1.2% ในเดือนก.ค. ต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 1.9% หลังจากดีดตัวขึ้น 8.4% ในเดือนมิ.ย.

ก่อนหน้านี้ ยอดค้าปลีกพุ่งขึ้น 18.2% ในเดือนพ.ค. ทำสถิติทะยานขึ้นมากเป็นประวัติการณ์นับตั้งแต่มีการรวบรวมตัวเลขดังกล่าวในปี 2535

ทั้งนี้ ยอดค้าปลีกที่เพิ่มขึ้นเพียงเล็กน้อยในเดือนก.ค.ได้รับแรงกดดันจากการที่หลายรัฐชะลอการผ่อนคลายมาตรการล็อกดาวน์ หลังพบการแพร่ระบาดรอบใหม่ของไวรัสโควิด-19

ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์กล่าวว่า ประเด็นที่ยังคงสร้างความขัดแย้งในการเจรจาระหว่างทำเนียบขาวและสภาคองเกรสเกี่ยวกับการออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจสหรัฐ คือการที่พรรคเดโมแครตเรียกร้องให้ร่างกฎหมายเยียวยาภาคธุรกิจที่ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 จะต้องรวมถึงการให้เงินช่วยเหลือจากรัฐบาลกลางแก่สำนักงานไปรษณีย์จำนวน 2.5 หมื่นล้านดอลลาร์ และการให้เงินทุนสนับสนุนการเลือกตั้งประธานาธิบดีที่จะมีขึ้นในวันที่ 3 พ.ย.

"ประเด็นขัดแย้งคือเรื่องการให้เงินช่วยเหลือสำนักงานไปรษณีย์ และการให้เงินทุนสนับสนุนการส่งบัตรเลือกตั้งทางไปรษณีย์วงเงิน 3.5 พันล้านดอลลาร์" ปธน.ทรัมป์กล่าว

นางแนนซี เพโลซี ประธานสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐ กล่าวว่า จุดยืนเกี่ยวกับการออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจสหรัฐระหว่างทำเนียบขาวและพรรคเดโมแครตยังคง"ห่างกันเป็นไมล์"

ทั้งนี้ นางเพโลซี และนายชัค ชูเมอร์ แกนนำพรรคเดโมแครตในวุฒิสภา ไม่ได้พบกับนายสตีเวน มนูชิน รมว.คลังสหรัฐ และนายมาร์ก มีโดว์ส หัวหน้าคณะทำงานประจำทำเนียบขาว นับตั้งแต่ที่การเจรจาของทั้ง 2 ฝ่ายประสบความล้มเหลวเมื่อวันศุกร์

นางเพโลซีไม่ได้ระบุว่าการเจรจาครั้งใหม่จะเริ่มขึ้นเมื่อใด ขณะที่ยืนกรานว่า ตนจะไม่เจรจากับตัวแทนของทำเนียบขาวอีก จนกว่าจะสามารถหาทางประนีประนอมกันได้ระหว่างข้อเสนอของพรรคเดโมแครตในการออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจวงเงินมากกว่า 3 ล้านล้านดอลลาร์ ขณะที่ทำเนียบขาวต้องการให้มีวงเงินเพียง 1 ล้านล้านดอลลาร์


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ