ตลาดหุ้นยุโรปปิดปรับตัวลงเมื่อคืนนี้ (14 ส.ค.) เนื่องจากนักลงทุนวิตกเกี่ยวกับการแพร่ระบาดรอบสองของโรคโควิด-19 ซึ่งทำให้อังกฤษประกาศมาตรการกักตัวผู้เดินทางเข้าประเทศ
ดัชนี Stoxx Europe 600 ลดลง 1.20% ปิดที่ 368.07 จุด
ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมนีปิดที่ 12,901.34 จุด ลดลง 92.37 จุด หรือ -0.71%, ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 4,962.93 จุด ลดลง 79.45 จุด หรือ -1.58% และดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 6,090.04 จุด ลดลง 95.58 จุด หรือ -1.55%
หุ้นกลุ่มการเดินทางและสันทนาการร่วงลงอย่างหนัก หลังจากที่มีการประกาศมาตรการจำกัดการเดินทางเพื่อควบคุมการแพร่ระบาดรอบใหม่ของโรคโควิด-19 โดยรัฐบาลอังกฤษจะกำหนดให้ทุกคนที่เดินทางมาจากประเทศฝรั่งเศสตั้งแต่วันเสาร์นี้ ต้องกักตัวเป็นเวลา 14 วัน เนื่องจากจำนวนผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ในฝรั่งเศสยังคงอยู่ในระดับที่สูงมาก
รัฐบาลอังกฤษยังได้รวมเนเธอร์แลนด์ มอลตา และอีก 3 ประเทศ อยู่ในรายชื่อประเทศที่ผู้เดินทางจะต้องกักตัวเมื่อเข้ามายังอังกฤษด้วย หลังจากที่ก่อนหน้านี้ อังกฤษได้นำมาตรการดังกล่าวมาใช้กับสเปนและเบลเยียม
ตลาดยุโรปยังถูกกดดันจากการที่สำนักงานสถิติของสหภาพพยุโรปหรือยูโรสแตทรายงานเมื่อวันศุกร์ว่า ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ของยูโรโซนหดตัว 12.1% ในไตรมาส 2
นอกจากนี้ บรรดานักลงทุนชะลอการเข้าซื้อหุ้น ขณะรอการอนุมัติมาตรการเยียวยาเศรษฐกิจฉบับใหม่ของสหรัฐ ซึ่งการเจรจาระหว่างทำเนียบขาวและสมาชิกสภาพรรคเดโมแครตเพื่อทำข้อตกลงเกี่ยวกับมาตรการดังกล่าวนั้น ได้หยุดชะงักลงตั้งแต่สัปดาห์ที่แล้ว
หุ้นกลุ่มการเดินทางและท่องเที่ยวร่วงลงหนักที่สุด โดยหุ้นอีซี่เจ็ต และหุ้น TUI ร่วงลงราว 7% และ 8% ตามลำดับ ขณะที่หุ้น IAG ซึ่งเป็นบริษัทแม่ของสายการบินบริติช แอร์เวย์ ร่วงเกือบ 5%