ดาวโจนส์บวกต่อเนื่อง ล่าสุดทะยานกว่า 600 จุด หุ้นเทคโนโลยีพุ่งนำตลาด

ข่าวหุ้น-การเงิน Thursday September 10, 2020 00:44 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ดัชนีดาวโจนส์พุ่งขึ้นอย่างต่อเนื่องในวันนี้ ล่าสุดทะยานกว่า 600 จุด ทะลุระดับ 28,000 จุด ขณะที่นักลงทุนพากันซื้อหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีที่ทรุดตัวลงก่อนหน้านี้

ณ เวลา 00.36 น.ตามเวลาไทย ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์อยู่ที่ 28,177.49 จุด บวก 676.60 จุด หรือ 2.46% ขณะที่ดัชนี S&P 500 พุ่งขึ้น 2.64% ส่วนดัชนี Nasdaq ทะยานขึ้น 3.04%

หุ้นแอปเปิลพุ่งขึ้น 5% ในวันนี้ เช่นเดียวกับหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีที่ได้ดีดตัวขึ้น ขณะที่นักลงทุนช้อนซื้อหุ้นที่ดิ่งลงก่อนหน้านี้

บริษัทแอปเปิล อิงค์ ได้แจ้งในเว็บไซต์ว่า ทางบริษัทจะจัดงานอีเวนต์ผ่านระบบออนไลน์ที่แอปเปิล พาร์คในวันที่ 15 ก.ย.เวลา 10.00 น.ตามเวลาสหรัฐ หรือเวลาเที่ยงคืนตามเวลาไทย

อย่างไรก็ดี แอปเปิลไม่ได้ระบุรายละเอียดเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ที่จะเปิดตัวในวันดังกล่าวแต่อย่างใด ยกเว้นแต่เพียงประโยคที่ว่า "Time Flies."

ทางด้านนายมาร์ค กรูแมน ผู้เชี่ยวชาญผลิตภัณฑ์แอปเปิลที่ได้รับการยอมรับอย่างกว้างขวาง รายงานผ่านสำนักข่าวบลูมเบิร์กว่า การที่แอปเปิลเลือกที่จะใช้ประโยค "Time Flies." บนเว็บไซต์ เป็นการบ่งบอกว่า ในงานอีเวนต์วันที่ 15 ก.ย. แอปเปิลจะเปิดตัว Apple Watch รุ่นใหม่ แต่จะไม่รวมถึง iPhone 12 ซึ่งจะเปิดตัวในเดือนต.ค.

ส่วนในทวิตเตอร์ของนายกรูแมนระบุว่า "การที่แอปเปิลไม่ได้เชิญสื่อมวลชนไปร่วมงานอีเวนต์ที่เมืองคูเปอร์ติโนอันเนื่องจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ทำให้แอปเปิลสามารถจัดงานอีเวนต์หลายครั้งมากกว่าในสภาวะปกติ เพราะแอปเปิลสามารถทำได้โดยการตัดต่อคลิปวิดีโอออกเป็นหลายครั้ง ดังนั้นเราจะเห็นแอปเปิลอีเวนต์ 3 ครั้งในปีนี้ คือ เดือนก.ย. (Apple Watch/iPad), เดือนต.ค. (iPhone) และเดือนพ.ย. (Mac)"

ทั้งนี้ แอปเปิลจะเปิดตัว iPhone 12 จำนวน 4 รุ่นในเดือนหน้า โดยจะเป็นรุ่นมาตรฐาน 2 รุ่น ส่วนอีก 2 รุ่นจะเป็นรุ่นไฮเอนด์ ซึ่งทุกรุ่นจะรองรับระบบ 5G

iPhone 12 รุ่นมาตรฐานของแอปเปิลจะมีหน้าจอ 5.4" และ 6.1" ส่วนรุ่นไฮเอนด์จะมีหน้าจอ 6.1" และ 6.7"

ที่ผ่านมา แอปเปิลมักเปิดตัว iPhone รุ่นใหม่ รวมทั้งผลิตภัณฑ์อื่นๆในเดือนก.ย. แต่ปีนี้ได้เลื่อนเวลาออกไป อันเนื่องจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19

ราคาหุ้นเทสลา อิงค์ พุ่งขึ้น 7% ในวันนี้ หลังจากดิ่งลงวานนี้ ท่ามกลางข่าวที่ว่า หุ้นของบริษัทไม่ได้ถูกนำไปคำนวณในดัชนี S&P 500

แรงเทขายของนักลงทุนในตลาดหุ้นวอลล์สตรีทในช่วง 3 วันที่ผ่านมา ได้ฉุดให้มูลค่าตลาดของบริษัทยักษ์ใหญ่ 6 แห่งในกลุ่มเทคโนโลยีลดลงมากกว่า 1 ล้านล้านดอลลาร์

ทั้งนี้ มูลค่าตลาดของแอปเปิลลดลง 3.25 แสนล้านดอลลาร์ในช่วงเวลาดังกล่าว ส่วนไมโครซอฟท์ลดลง 2.19 แสนล้านดอลลาร์ แอมะซอนลดลง 1.91 แสนล้านดอลลาร์ อัลฟาเบทลดลง 1.35 แสนล้านดอลลาร์ และเทสลาลดลง 1.09 แสนล้านดอลลาร์ ส่วนเฟซบุ๊กลดลง 8.9 หมื่นล้านดอลลาร์

อย่างไรก็ดี แม้มูลค่าตลาดของบริษัทในกลุ่มเทคโนโลยีดังกล่าวได้ร่วงลงในช่วง 3 วันที่ผ่านมา แต่การที่หุ้นเหล่านี้ได้ทะยานขึ้นนับตั้งแต่ต้นปีนี้ ก็ได้ช่วยให้บริษัทดังกล่าวยังคงมีมูลค่าตลาดในระดับสูง

บริษัททั้ง 6 แห่งมีมูลค่าตลาดรวมกันราว 5 ล้านล้านดอลลาร์ ณ ต้นปีนี้ และหากพิจารณาถึงวันที่ 2 ก.ย. พบว่า บริษัททั้ง 6 มีมูลค่าตลาดสูงถึง 8.2 ล้านล้านดอลลาร์ ซึ่งเป็นระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ ก่อนที่จะลดลงเหลือ 7.1 ล้านล้านดอลลาร์ขณะปิดตลาดวานนี้ แต่ยังคงมีมูลค่ามากกว่า 2.1 ล้านล้านดอลลาร์ หากเทียบกับช่วงต้นปีนี้

นักลงทุนเมินข่าวที่ว่า แอสตร้าเซนเนก้า ซึ่งเป็นผู้ผลิตยารายใหญ่ของอังกฤษ ประกาศระงับการทดลองวัคซีนต้านไวรัสโควิด-19 ในเฟสที่ 3 หลังจากผู้เข้าร่วมโครงการรายหนึ่งล้มป่วยโดยไม่ทราบสาเหตุ ขณะที่หนังสือพิมพ์ไฟแนนเชียล ไทมส์รายงานว่า บริษัทจะกลับมาดำเนินการทดลองต่อไปในสัปดาห์หน้า

ทางด้านนายแพทย์แอนโทนี ฟอซี ผู้อำนวยการสถาบันภูมิแพ้และโรคติดต่อแห่งชาติสหรัฐ และเป็นนายแพทย์ใหญ่ของคณะทำงานเฉพาะกิจด้านการควบคุมโรคโควิด-19 ของทำเนียบขาว กล่าวว่า การที่บริษัทแอสตร้าเซนเนก้าประกาศระงับการทดลองวัคซีนต้านไวรัสโควิด-19 ไม่ถือเป็นเรื่องแปลก

"สิ่งนี้เป็นมาตรการความปลอดภัยที่ใช้ในการทดลองทางคลินิก ซึ่งผมหวังว่าบริษัทจะสามารถแก้ปัญหา และกลับมาดำเนินการทดลองต่อไป" นายแพทย์ฟอซีกล่าว

ส่วนการเปิดเผยตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐในวันนี้ สำนักงานสถิติของกระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยผลสำรวจการเปิดรับสมัครงานและอัตราการหมุนเวียนของแรงงาน (JOLTS) พบว่า ตัวเลขการเปิดรับสมัครงาน ซึ่งเป็นมาตรวัดอุปสงค์ในตลาดแรงงาน เพิ่มขึ้น 617,000 ตำแหน่ง สู่ระดับ 6.6 ล้านตำแหน่งในเดือนก.ค.

ส่วนอัตราการเปิดรับสมัครงานเพิ่มขึ้นสู่ระดับ 4.5% ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนต.ค.ปีที่แล้ว จากระดับ 4.2% ในเดือนมิ.ย.


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ