ดัชนีดาวโจนส์ฟิวเจอร์ปรับตัวขึ้นในวันนี้ เนื่องจากนักลงทุนคาดหวังว่าทำเนียบขาวและสภาคองเกรสจะมีความคืบหน้าในการเจรจามาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจสหรัฐจากผลกระทบโควิด-19 ได้ก่อนการเลือกตั้งประธานาธิบดีวันที่ 3 พ.ย.นี้
ณ เวลา 18.25 น.ตามเวลาไทย ดัชนีดาวโจนส์ฟิวเจอร์บวก 84 จุด หรือ 0.30% แตะที่ระดับ 28,352 จุด
วานนี้ นางแนนซี เพโลซี ประธานสภาผู้แทนราษฎรรายงานความคืบหน้าในการเจรจากับทำเนียบขาวเกี่ยวกับการออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจรอบใหม่ โดยระบุว่า มาตรการดังกล่าวอาจจะได้รับการอนุมัติเร็วๆ นี้
ขณะที่เมื่อช่วงเช้าวันนี้ตามเวลาไทย มีการดีเบตรอบสุดท้ายระหว่างประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์และนายโจ ไบเดน ผู้ท้าชิงจากพรรคเดโมแครต ซึ่ง CNN Instant Poll เปิดเผยผลสำรวจหลังการดีเบต พบว่า ผู้ชมการดีเบตมองไบเดนแสดงวิสัยทัศน์ได้ดีกว่าทรัมป์ โดยผู้ชมการดีเบต 53% ระบุว่าไบเดนชนะการดีเบตในครั้งนี้ ขณะที่ 39% ระบุว่าทรัมป์ชนะ
ขณะเดียวกันมีรายงานว่า ชาวอเมริกัน 47 ล้านคนได้ไปลงคะแนนเสียงล่วงหน้าแล้ว ซึ่งมากกว่าการเลือกตั้งเมื่อปี 2559
สำหรับการรายงานผลประกอบการไตรมาส 3 นั้น ข้อมูลระบุว่า จนถึงขณะนี้มีบริษัทจดทะเบียน S&P จำนวน 126 บริษัทรายงานผลประกอบการแล้ว ซึ่ง 84% ในจำนวนนี้รายงานผลประกอบการดีกว่าคาดการณ์
หุ้นกิลเลียด ไซแอนเซส พุ่งขึ้น 5.8% หลังจากที่สำนักงานอาหารและยาของสหรัฐ (FDA) ได้อนุมัติยาต้านไวรัส Veklury (remdesivir) ของบริษัท ให้ใช้รักษาโรคโควิด-19 ได้โดยทั่วไปแล้ว ซึ่งนับเป็นยาตัวแรกและตัวเดียวในสหรัฐขณะนี้
หุ้นแอปเปิลบวก 0.3% ขณะที่สมาร์ทโฟน iPhone 12 รุ่นล่าสุดได้เปิดจำหน่ายในจีนในวันนี้
ด้านหุ้นอินเทล ผู้ผลิตชิปรายใหญ่ร่วงเกือบ 10% หลังบริษัทรายงานผลประกอบการลดลง เนื่องจากผู้บริโภคหันไปเลือกซื้อแล็ปท็อปราคาถูกกว่า ขณะที่ธุรกิจและหน่วยงานรัฐบาล ซึ่งได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 ได้ลดการใช้จ่ายด้านศูนย์ข้อมูล