ดัชนีดาวโจนส์ฟิวเจอร์ร่วงลงอย่างต่อเนื่องในวันนี้ ล่าสุดทรุดตัวลงกว่า 500 จุด บ่งชี้ว่าตลาดหุ้นวอลล์สตรีทจะดิ่งลงในคืนนี้ ท่ามกลางความวิตกที่ว่าการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 จะทำให้ประเทศต่างๆประกาศมาตรการล็อกดาวน์ ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจโลก
นอกจากนี้ นักลงทุนยังมีความกังวลต่อความล่าช้าของการออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจสหรัฐ
ณ เวลา 19.12 น.ตามเวลาไทย ดัชนีดาวโจนส์ฟิวเจอร์ลบ 501 จุด หรือ 1.83% สู่ระดับ 26,864 จุด
นักลงทุนยังคงจับตาการเปิดเผยผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียน
หุ้นบริษัทไมโครซอฟท์ คอร์ป ดิ่งลงเกือบ 2% ในการซื้อขายก่อนเปิดตลาดวันนี้ แม้เปิดเผยผลประกอบการที่ดีกว่าคาด
หุ้นกลุ่มที่ได้ประโยชน์จากการเปิดเศรษฐกิจสหรัฐ เช่น สายการบิน และธุรกิจเรือสำราญ ต่างก็ปรับตัวลงในการซื้อขายก่อนเปิดตลาด
ดัชนีดาวโจนส์ร่วงลงแล้ว 3% นับตั้งแต่ต้นสัปดาห์ และลบช่วงบวกที่ทำไว้ทั้งหมดในเดือนต.ค.
ดัชนีดาวโจนส์ปิดวานนี้ร่วงลงเกือบ 1% โดยปรับตัวลงติดต่อกันเป็นวันที่ 3 หลังจากทำเนียบขาวส่งสัญญาณว่า รัฐบาลสหรัฐและพรรคเดโมแครตอาจไม่สามารถบรรลุข้อตกลงในการออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจได้ก่อนวันเลือกตั้งประธานาธิบดี
ทางด้านโกลด์แมน แซคส์คาดการณ์เช่นกันว่า สภาคองเกรสสหรัฐจะไม่สามารถออกกฎหมายว่าด้วยมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจสหรัฐได้ก่อนการเลือกตั้งประธานาธิบดีในวันที่ 3 พ.ย.
ขณะนี้ สหรัฐติดอันดับ 1 ของโลกทั้งจำนวนผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 และผู้เสียชีวิต โดยมีผู้ติดเชื้อมากกว่า 9 ล้านราย และเสียชีวิตกว่า 232,000 ราย
รัฐบาลเยอรมนีและฝรั่งเศสเตรียมประกาศยกระดับการคุมเข้มมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ในวันนี้ หลังพบว่าอัตราผู้เสียชีวิตจากโควิด-19 ทั่วยุโรปพุ่งขึ้นเกือบ 40% ภายในเวลา 1 สัปดาห์
องค์การอนามัยโลก (WHO) รายงานจำนวนผู้ติดเชื้อโควิด-19 รายใหม่ในยุโรปมากกว่า 1.3 ล้านรายในช่วง 7 วันที่ผ่านมา โดยมีจำนวนเกือบครึ่งหนึ่งของตัวเลข 2.9 ล้านรายทั่วโลก และมีผู้เสียชีวิตกว่า 11,700 ราย ซึ่งพุ่งขึ้น 37% เมื่อเทียบกับสัปดาห์ก่อนหน้านี้