ดัชนีดาวโจนส์ฟิวเจอร์พุ่งขึ้นอย่างต่อเนื่องในวันนี้ ล่าสุดทะยานกว่า 1,700 จุด บ่งชี้ว่าตลาดหุ้นวอลล์สตรีทจะดีดตัวขึ้นในคืนนี้ ขานรับความคืบหน้าครั้งใหญ่ในการผลิตวัคซีนต้านไวรัสโควิด-19
ณ เวลา 20.53 น.ตามเวลาไทย ดัชนีดาวโจนส์ฟิวเจอร์พุ่งขึ้น 1,779 จุด หรือ 6.31% สู่ระดับ 29,983 จุด
ทั้งนี้ ไฟเซอร์ อิงค์ ซึ่งเป็นบริษัทยาใหญ่ที่สุดของสหรัฐ และ BioNTech ซึ่งเป็นบริษัทยาของเยอรมนี แถลงในวันนี้ว่า ผลการทดลองบ่งชี้ว่า วัคซีนต้านไวรัสโควิด-19 ซึ่งไฟเซอร์และ BioNTech พัฒนาร่วมกัน มีประสิทธิภาพมากกว่า 90% ในการป้องกันไวรัสโควิด-19 สำหรับผู้ที่ไม่เคยติดเชื้อมาก่อน
ไฟเซอร์ และ BioNTech ระบุว่า ผลการพัฒนาวัคซีนดังกล่าวถือเป็นวันที่ยิ่งใหญ่สำหรับวิทยาศาสตร์และมนุษยชาติ
"ผมคิดว่าเราสามารถเห็นแสงสว่างจากปลายอุโมงค์" นพ.อัลเบิร์ต เบอร์ลา ประธานบริษัทไฟเซอร์กล่าว
ก่อนหน้านี้ นักวิทยาศาสตร์คาดหวังว่าวัคซีนต้านไวรัสโควิด-19 จะมีประสิทธิภาพอย่างน้อย 75% ขณะที่นายแพทย์แอนโทนี ฟอซี ผู้อำนวยการสถาบันภูมิแพ้และโรคติดต่อแห่งชาติสหรัฐ และเป็นนายแพทย์ใหญ่ของคณะทำงานเฉพาะกิจด้านการควบคุมโรคโควิด-19 ของทำเนียบขาว เคยกล่าวว่า หากวัคซีนมีประสิทธิภาพ 50-60% ก็ถือว่ายอมรับได้
ทั้งนี้ ไฟเซอร์จะยื่นจดทะเบียนวัคซีนต้านไวรัสโควิด-19 ต่อสำนักงานอาหารและยาสหรัฐ (FDA) ในสัปดาห์หน้า และคาดว่าจะมีการผลิตวัคซีน 50 ล้านโดสภายในปีนี้ และ 1.3 พันล้านโดสในปีหน้า
นอกจากนี้ ตลาดยังได้แรงหนุนจากการที่นายโจ ไบเดน คว้าชัยชนะในการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐ
ส่วนผลการเลือกตั้งในสภาคองเกรสนั้น ล่าสุด พรรคเดโมแครตมีแนวโน้มที่จะยังคงครองเสียงข้างมากในสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐ ในขณะที่การแข่งขันในวุฒิสภายังคงมีความไม่แน่นอน โดยมีแนวโน้มว่าการเลือกตั้งวุฒิสมาชิกในรัฐจอร์เจียอาจจะต้องตัดสินด้วยการลงคะแนนเสียงรอบสองในเดือนม.ค.
หากนายไบเดนคว้าชัยชนะในการเลือกตั้งประธานาธิบดีอย่างเป็นทางการ และพรรคเดโมแครตสามารถครองเสียงข้างมากอย่างเบ็ดเสร็จในสภาคองเกรสทั้งในวุฒิสภาและสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐ ก็จะทำให้การขับเคลื่อนมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเป็นไปอย่างราบรื่น หลังจากที่ถูกขัดขวางในสมัยของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์
แต่ถ้าหากพรรครีพับลิกันยังคงครองเสียงข้างมากในวุฒิสภา ก็จะส่งผลบวกต่อตลาดหุ้นเช่นกัน โดยจะทำให้นโยบายการปรับขึ้นภาษีเงินได้นิติบุคคลของนายไบเดนอาจไม่ได้รับการอนุมัติจากสภาคองเกรส ทำให้บริษัทจดทะเบียนยังคงได้รับประโยชน์จากนโยบายลดอัตราภาษีของรัฐบาลทรัมป์ต่อไป
นอกจากนี้ การถ่วงดุลอำนาจดังกล่าว จะช่วยลดโอกาสที่รัฐบาลของนายไบเดนจะทำการออกมาตรการควบคุมกฎระเบียบสถาบันการเงิน และบริษัทในกลุ่มเทคโนโลยีของสหรัฐ