ดาวโจนส์ไหลไม่หยุด ล่าสุดทรุดกว่า 300 จุด กังวลล็อกดาวน์สหรัฐ หลังโควิดพุ่ง

ข่าวหุ้น-การเงิน Friday November 13, 2020 01:00 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ดัชนีดาวโจนส์ดิ่งลงอย่างต่อเนื่องในวันนี้ ล่าสุดทรุดตัวลงกว่า 300 จุด ท่ามกลางความวิตกเกี่ยวกับการใช้มาตรการล็อกดาวน์สหรัฐเพื่อควบคุมการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19

ณ เวลา 00.50 น.ตามเวลาไทย ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์อยู่ที่ 29,074.70 จุด ลบ 322.93 จุด หรือ 1.1%

ขณะนี้สหรัฐติดอันดับ 1 ของโลกทั้งจำนวนผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 และผู้เสียชีวิต โดยมีผู้ติดเชื้อมากกว่า 10.7 ล้านราย และเสียชีวิตมากกว่า 247,000 ราย ทำให้หลายรัฐ รวมถึงแคลิฟอร์เนีย ประกาศมาตรการเคอร์ฟิว ขณะที่ผู้ว่าการรัฐเนวาดาเรียกร้องให้ประชาชนอยู่แต่ในบ้านเป็นเวลา 2 สัปดาห์ ส่วนนครนิวยอร์กประกาศเคอร์ฟิวเพื่อควบคุมเวลาการเปิดให้บริการของผับบาร์และร้านอาหาร

ความวิตกกังวลเกี่ยวกับจำนวนผู้ติดเชื้อโควิด-19 และการใช้มาตรการเข้มงวดในการควบคุมการแพร่ระบาดในสหรัฐ ได้บดบังปัจจัยบวกจากความคืบหน้าในการพัฒนาวัคซีนของบริษัทไฟเซอร์ อิงค์ หลังจากที่ได้เป็นปัจจัยหนุนดัชนีดาวโจนส์พุ่งขึ้นอย่างแข็งแกร่ง

นายแพทย์ไมเคิล ออสเตอร์โฮล์ม ที่ปรึกษาด้านการควบคุมโรคโควิด-19 ของนายโจ ไบเดน ว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐ เสนอให้มีการล็อกดาวน์สหรัฐเป็นเวลา 4-6 สัปดาห์ เพื่อควบคุมการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 จนกว่าจะมีการอนุมัติและจำหน่ายวัคซีนต้านโควิด-19

นายแพทย์แอนโทนี ฟอซี ผู้อำนวยการสถาบันภูมิแพ้และโรคติดต่อแห่งชาติสหรัฐ และเป็นนายแพทย์ใหญ่ของคณะทำงานเฉพาะกิจด้านการควบคุมโรคโควิด-19 ของทำเนียบขาว กล่าวว่า แม้ว่าขณะนี้กำลังจะมีวัคซีนซึ่งจะช่วยยุติการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 แต่เขาก็ไม่แน่ใจว่าวัคซีนดังกล่าวจะสามารถกำจัดโรคโควิด-19 ได้

นายแพทย์ฟอซีกล่าวว่า ประชาชนไม่ควรชะล่าใจ และปล่อยการ์ดตก หลังมีข่าวว่ามีการพัฒนาวัคซีนที่มีประสิทธิภาพและมีความปลอดภัย

คำกล่าวของนายแพทย์ฟอซีมีขึ้น หลังจากที่ไฟเซอร์ อิงค์ ซึ่งเป็นบริษัทยาใหญ่ที่สุดของสหรัฐ และ BioNTech ซึ่งเป็นบริษัทยาของเยอรมนี แถลงว่า ผลการทดลองบ่งชี้ว่า วัคซีนต้านไวรัสโควิด-19 ซึ่งทั้งสองบริษัทพัฒนาร่วมกัน มีประสิทธิภาพมากกว่า 90% ในการป้องกันไวรัสโควิด-19 สำหรับผู้ที่ไม่เคยติดเชื้อมาก่อน

ทางด้านนายโรเบิร์ต แคปแลน ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) สาขาดัลลัส กล่าวว่า เขามีความกังวลว่าเศรษฐกิจสหรัฐจะเผชิญความเสี่ยงในช่วงขาลงในระยะสั้น อันเนื่องจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19

"ช่วงเวลา 2 ไตรมาสข้างหน้าจะมีความท้าทาย และยากลำบากมาก โดยความเสี่ยงในช่วงขาลงกำลังเพิ่มขึ้นอันเนื่องจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19" นายแคปแลนกล่าว

อย่างไรก็ดี นายแคปแลนกล่าวว่า เศรษฐกิจสหรัฐมีแนวโน้มดีดตัวขึ้นอย่างแข็งแกร่งในช่วงครึ่งหลังของปีหน้า หลังจากที่มีการแจกจ่ายวัคซีนต้านโควิด-19 ในวงกว้าง

นอกจากนี้ นายแคปแลนยังระบุว่า ตราบใดที่ไวรัสโควิด-19 ยังคงมีการแพร่ระบาด เฟดไม่ควรยกเลิกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ ซึ่งรวมถึงการซื้อพันธบัตรวงเงิน 1.2 แสนล้านดอลลาร์ต่อเดือน และโครงการปล่อยสินเชื่อให้แก่ภาคธุรกิจสหรัฐ

ส่วนการเปิดเผยตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐในวันนี้ กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยตัวเลขผู้ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกปรับตัวลงเป็นสัปดาห์ที่ 4 ติดต่อกัน โดยลดลงสู่ระดับ 709,000 รายในสัปดาห์ที่แล้ว จากระดับ 757,000 รายในสัปดาห์ก่อนหน้านี้

ตัวเลขผู้ยื่นขอสวัสดิการว่างงานดังกล่าวเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่วันที่ 14 มี.ค. ซึ่งเป็นช่วงเริ่มต้นการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 และต่ำกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ที่ระดับ 735,000 ราย

นอกจากนี้ กระทรวงแรงงานสหรัฐยังเปิดเผยว่า ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ทรงตัวในเดือนต.ค. หลังจากปรับตัวขึ้น 0.2% ในเดือนก.ย.

ดัชนี CPI ทรงตัวในเดือนต.ค. เนื่องจากการร่วงลงของราคาน้ำมันได้หักล้างการดีดตัวขึ้นของราคาอาหาร

นักลงทุนจับตาถ้อยแถลงของนายเจอโรม พาวเวล ประธานเฟด ในการเสวนาผ่านระบบออนไลน์ร่วมกับนางคริสติน ลาการ์ด ประธานธนาคารกลางยุโรป (ECB) และนายแอนดรูว์ เบลีย์ ผู้ว่าการธนาคารกลางอังกฤษ (BoE) ในวันนี้


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ