ดัชนีดาวโจนส์ดิ่งลงอย่างต่อเนื่องในวันนี้ ล่าสุดทรุดตัวกว่า 400 จุด หลังการเปิดเผยยอดค้าปลีกที่ต่ำกว่าคาด
ณ เวลา 21.58 น.ตามเวลาไทย ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์อยู่ที่ 29,545.14 จุด ลบ 405.30 จุด หรือ 1.35%
กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า ยอดค้าปลีกเพิ่มขึ้น 0.3% ในเดือนต.ค ซึ่งเป็นการปรับตัวขึ้นเป็นเดือนที่ 6 แต่ต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าเพิ่มขึ้น 0.5% หลังจากพุ่งขึ้น 1.6% ในเดือนก.ย.
การชะลอตัวของยอดค้าปลีกในเดือนต.ค. ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 และการที่ภาคครัวเรือนมีรายได้ลดลง เนื่องจากชาวอเมริกันจำนวนมากประสบภาวะตกงาน
ส่วนยอดค้าปลีกพื้นฐาน ซึ่งไม่รวมยอดขายรถยนต์ น้ำมัน วัสดุก่อสร้าง และอาหาร ขยับขึ้น 0.1% ในเดือนต.ค. หลังจากเพิ่มขึ้น 0.9% ในเดือนก.ย.
ดัชนีดาวโจนส์ปิดพุ่งขึ้นเกือบ 500 จุดแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์เมื่อคืนนี้ ขานรับความคืบหน้าในการพัฒนาวัคซีนต้านโควิด-19 ของบริษัทโมเดอร์นา อิงค์ โดยข่าวดังกล่าวช่วยหนุนหุ้นกลุ่มที่ได้ประโยชน์จากการเปิดเศรษฐกิจ เช่น กลุ่มสายการบิน กลุ่มค้าปลีก และกลุ่มอุตสาหกรรม ขณะที่หุ้นกลุ่มพลังงานทะยานขึ้นหลังจากราคาน้ำมันดิบ WTI พุ่งขึ้น 3%
หุ้นวอลกรีนส์ บู้ทส์ อัลลิอันซ์ อิงค์ ซึ่งเป็นเครือข่ายร้านขายยาของสหรัฐ ดิ่งลง 9% ในวันนี้ หลังบริษัทแอมะซอนเปิดเผยว่า ทางบริษัทจะให้บริการเดลิเวอรี่ยาแก่สมาชิก Prime ซึ่งบริการดังกล่าวจะส่งผลกระทบต่อธุรกิจของวอลกรีนส์
หุ้นวอลมาร์ท ซึ่งเป็นบริษัทค้าปลีกใหญ่ที่สุดในโลก และโฮม ดีโปท์ อิงค์ ซึ่งเป็นบริษัทจำหน่ายสินค้าตกแต่งบ้านรายใหญ่ที่สุดของสหรัฐ ต่างปรับตัวลงในวันนี้ แม้มีการเปิดเผยกำไรและรายได้ในไตรมาส 3 สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้
ราคาหุ้นเทสลาพุ่งขึ้นมากกว่า 11% ในวันนี้ หลังบริษัท S&P Dow Jones Indices LLC ซึ่งเป็นผู้จัดทำดัชนีตลาดหุ้นนิวยอร์ก ออกแถลงการณ์ระบุว่า หุ้นของบริษัทเทสลาจะถูกรวมในการคำนวณดัชนี S&P 500 ในวันที่ 21 ธ.ค.
ตลาดยังคงถูกกดดันจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 โดยสหรัฐติดอันดับ 1 ของโลกทั้งจำนวนผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 และผู้เสียชีวิต โดยมีผู้ติดเชื้อมากกว่า 11.5 ล้านราย และเสียชีวิตมากกว่า 252,000 ราย