ดาวโจนส์ปรับฐานหลังพุ่งแรงวานนี้ ก่อนปิดทำการพรุ่งนี้

ข่าวหุ้น-การเงิน Wednesday November 25, 2020 22:13 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ดัชนีดาวโจนส์ปรับฐาน หลังจากพุ่งขึ้นอย่างมากเมื่อวานนี้ ขณะที่คาดว่าการซื้อขายจะเบาบางในวันนี้ ก่อนที่ตลาดจะปิดทำการในวันพรุ่งนี้ เนื่องในวันขอบคุณพระเจ้า และจะมีการซื้อขายเพียงครึ่งวันในวันศุกร์

ณ เวลา 21.55 น.ตามเวลาไทย ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์อยู่ที่ 29,872.83 จุด ลบ 173.41 จุด หรือ 0.58%

ดัชนีดาวโจนส์ปิดพุ่งขึ้นกว่า 400 จุด ทะลุแนว 30,000 จุดเป็นครั้งแรกเมื่อคืนนี้ ขานรับความชัดเจนของทิศทางการเมืองสหรัฐ หลังจากประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์เริ่มกระบวนการถ่ายโอนอำนาจให้แก่นายโจ ไบเดน ว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐ นอกจากนี้ ตลาดยังได้แรงหนุนจากความคืบหน้าในการพัฒนาวัคซีนต้านไวรัสโควิด-19 รวมทั้งการคาดการณ์ที่ว่า นางเจเน็ต เยลเลน อดีตประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะเข้าดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีคลังคนใหม่

ดัชนีดาวโจนส์พุ่งขึ้นมากกว่า 13% ในเดือนนี้ ทำให้มีแนวโน้มทำสถิติทะยานขึ้นเมื่อเทียบรายเดือนมากที่สุดนับตั้งแต่ปี 2530

ดัชนีดาวโจนส์พุ่งเหนือระดับ 30,000 จุดเมื่อวานนี้เป็นครั้งแรก หลังจากปธน.ทรัมป์มอบหมายให้นางเอมิลี เมอร์ฟีย์ ผู้อำนวยการสำนักบริหารงานบริการทั่วไปของสหรัฐ (GSA) เริ่มกระบวนการถ่ายโอนอำนาจให้แก่คณะบริหารของนายไบเดน ซึ่งทำให้เขาสามารถเข้าถึงทรัพยากรต่างๆที่จำเป็นในการถ่ายโอนอำนาจ และเปิดทางให้สามารถเข้าทำหน้าที่ในทำเนียบขาวได้อย่างราบรื่น

ส่วนการเปิดเผยตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐในวันนี้ กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยตัวเลขผู้ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกเพิ่มขึ้นสู่ระดับ 778,000 รายในสัปดาห์ที่แล้ว และสูงกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ที่ระดับ 733,000 ราย จากระดับ 742,000 รายที่มีการรายงานในสัปดาห์ก่อนหน้านี้

กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยตัวเลขประมาณการครั้งที่ 2 สำหรับผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ประจำไตรมาส 3/2563 โดยระบุว่า เศรษฐกิจสหรัฐขยายตัว 33.1% ซึ่งเป็นการขยายตัวสูงเป็นประวัติการณ์นับตั้งแต่ที่สหรัฐเริ่มมีการรวบรวมข้อมูลในปี 2490 หรือกว่า 70 ปีก่อนหน้านี้

ตัวเลขการขยายตัวดังกล่าวไม่เปลี่ยนแปลงจากตัวเลขประมาณการครั้งที่ 1

สหรัฐมีการขยายตัวสูงสุดก่อนหน้านี้ที่ระดับ 16.7% โดยทำไว้ในไตรมาสแรกของปี 2493

การขยายตัวเป็นประวัติการณ์ของสหรัฐในไตรมาส 3/2563 ได้รับแรงหนุนจากการที่รัฐบาลเริ่มผ่อนคลายมาตรการล็อกดาวน์ ทำให้มีการเปิดเศรษฐกิจ และเริ่มมีการจ้างงาน หลังจากที่ได้ปิดเศรษฐกิจก่อนหน้านี้เพื่อควบคุมการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19

ทั้งนี้ เศรษฐกิจสหรัฐหดตัว 31.4% ในไตรมาส 2 ซึ่งเป็นการหดตัวรุนแรงเป็นประวัติการณ์ หลังจากหดตัว 5% ในไตรมาส 1 ส่งผลให้เศรษฐกิจสหรัฐเข้าสู่ภาวะถดถอย เนื่องจากมีการหดตัว 2 ไตรมาสติดต่อกัน

กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า ยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนของสหรัฐ เช่น เครื่องบิน รถยนต์ และเครื่องจักรขนาดใหญ่ที่มีอายุการใช้งานตั้งแต่ 3 ปีขึ้นไป เพิ่มขึ้น 1.3% ในเดือนต.ค. สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าจะเพิ่มขึ้น 1.0% หลังจากพุ่งขึ้น 2.1% ในเดือนก.ย.

นอกจากนี้ ยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนพื้นฐาน ซึ่งเป็นคำสั่งซื้อสินค้าทุนที่ไม่รวมเครื่องบิน และสินค้าด้านอาวุธ โดยเป็นสิ่งบ่งชี้แผนการใช้จ่ายของภาคธุรกิจ เพิ่มขึ้น 0.7% และสูงกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ที่ระดับ 0.5% หลังจากพุ่งขึ้น 1.9% ในเดือนก.ย.

นักลงทุนจับตารายงานการประชุมของเฟดประจำวันที่ 4-5 พ.ย.ที่จะมีการเปิดเผยในวันนี้ เพื่อหาสัญญาณการผ่อนคลายนโยบายการเงินมากขึ้นของเฟดเพื่อเยียวยาผลกระทบจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ