ตลาดหุ้นยุโรปปิดปรับตัวลงเมื่อคืนนี้ (7 ธ.ค.) เนื่องจากนักลงทุนวิตกเกี่ยวกับความตึงเครียดครั้งใหม่ระหว่างสหรัฐและจีน หลังจากมีรายงานว่าสหรัฐกำหนดมาตรการคว่ำบาตรเจ้าหน้าที่จีนอีกครั้งเกี่ยวกับกรณีการตัดสิทธิสมาชิกสภานิติบัญญัติฝ่ายค้านในฮ่องกง ขณะที่นักลงทุนยังคงมุ่งความสนใจไปที่ความพยายามครั้งสุดท้ายระหว่างอังกฤษและสหภาพยุโรป (EU) ที่จะบรรลุข้อตกลงการค้าหลังการแยกตัวของอังกฤษออกจาก EU (Brexit)
ดัชนี Stoxx Europe 600 ลดลง 0.30% ปิดที่ 392.84 จุด
ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 5,573.38 จุด ลดลง 35.77 จุด, -0.64%, ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมนีปิดที่ 13,271.00 จุด ลดลง 27.96 จุด, -0.21% และดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 6,555.39 จุด เพิ่มขึ้น 5.16 จุด, +0.08%
นักลงทุนกังวลกับความตึงเครียดครั้งใหม่ระหว่างสหรัฐและจีน หลังเว็บไซต์กระทรวงการคลังสหรัฐระบุว่า ทางการสหรัฐได้ตัดสินใจคว่ำบาตรเจ้าหน้าที่จีน 14 รายในวันจันทร์ โดยสหรัฐอ้างว่าเจ้าหน้าที่กลุ่มนี้มีบทบาทในการตัดสิทธินักการเมืองฝ่ายค้านในฮ่องกง 4 ราย โดยความเคลื่อนไหวดังกล่าวมีขึ้น หลังจากที่จีนได้ออกมาตรการเมื่อเดือนที่ผ่านมา กำหนดให้สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรของฮ่องกงจะต้องเป็นผู้ที่จงรักภักดีต่อชาติ ซึ่งส่งผลให้สมาชิกสภาฝ่ายค้านลาออกเป็นจำนวนมาก
นอกจากนี้ นักลงทุนมุ่งความสนใจไปที่อังกฤษและ EU ซึ่งกำลังดำเนินความพยายามครั้งสุดท้ายที่จะบรรลุข้อตกลงการค้าในสัปดาห์นี้ โดยนายบอริส จอห์นสัน นายกรัฐมนตรีอังกฤษ และนางเออร์ซูลา ฟอน เดอร์ เลเยน ประธานคณะกรรมาธิการยุโรป (EC) จะพูดคุยกันทางโทรศัพท์เวลา 16.00 น.ของวันจันทร์ตามเวลาอังกฤษ หรือ 23.00 น. ตามเวลาไทย เพื่อเดินหน้าเจรจาข้อตกลงการค้าหลังอังกฤษแยกตัวออกจากสหภาพยุโรป (Brexit)
นักลงทุนจะจับตาผลการประชุมธนาคารกลางยุโรป (ECB) ในวันพฤหัสบดีนี้ด้วย ซึ่งคาดว่า ECB จะประกาศซื้อพันธบัตรฉุกเฉินเพิ่มขึ้น
หุ้นกลุ่มน้ำมันปรับตัวลงตามราคาน้ำมันดิบ หลังยอดติดเชื้อโควิด-19 ที่ยังคงเพิ่มขึ้นทั่วโลกทำให้เกิดการล็อกดาวน์รอบใหม่ และส่งผลกระทบต่อความต้องการใช้น้ำมัน โดยหุ้นเชลล์ ลบ 0.09% และหุ้นโททาล ลบ 1.41%