ตลาดหุ้นยุโรปปิดปรับตัวขึ้นเมื่อคืนนี้ (8 ม.ค.) เป็นวันที่ 3 ติดต่อกัน และปรับตัวขึ้นมากที่สุดในรอบสัปดาห์นี้นับตั้งแต่เดือนพ.ย.ที่ผ่านมา โดยนักลงทุนขานรับการเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งเกินคาดของเยอรมนี และการคาดการณ์แนวโน้มผลประกอบการที่สดใสจากบรรดาบริษัทผลิตชิป
ดัชนี Stoxx Europe 600 ปิดที่ 411.17 จุด เพิ่มขึ้น 2.68 จุด หรือ +0.66%
ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 5,706.88 จุด เพิ่มขึ้น 37.03 จุด หรือ +0.65%, ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมนีปิดที่ 14,049.53 จุด เพิ่มขึ้น 81.29 จุด หรือ +0.58% และดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 6,873.26 จุด เพิ่มขึ้น 16.30 จุด หรือ +0.24%
ดัชนี STOXX 600 ปรับตัวขึ้น 3% ในสัปดาห์แรกของปีนี้ โดยได้แรงหนุนส่วนใหญ่จากความหวังว่า สหรัฐจะออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจวงเงินหลายล้านล้านดอลลาร์ในเร็วๆ นี้
นอกจากนี้ ตลาดยังได้แรงหนุนจากการฉีดวัคซีนต้านโรคโควิด-19 ในหลายประเทศ ซึ่งจะช่วยให้การแพร่ระบาดสิ้นสุดลงและเศรษฐกิจโลกจะฟื้นตัวได้อย่างรวดเร็ว
ตลาดได้แรงหนุน หลังเยอรมนีเปิดเผยข้อมูลการผลิตภาคอุตสาหกรรมและการส่งออกเพิ่มขึ้นมากเกินคาดในเดือนพ.ย.ที่ผ่านมา
นอกจากนี้ ตลาดยังได้แรงหนุนจากผลสำรวจรายเดือนของคณะกรรมาธิการยุโรปที่บ่งชี้ว่า ความเชื่อมั่นทางเศรษฐกิจในยูโรโซนปรับตัวขึ้นในเดือนธ.ค.
หุ้นกลุ่มเทคโนโลยีปรับตัวขึ้นนำตลาด โดยหุ้นอินฟิเนียน, หุ้นเอเอ็มเอส และหุ้นเอเอสเอ็ม อินเตอร์เนชันแนล ปรับตัวขึ้น 1.6-6.9% หลังบริษัทไมครอน เทคโนโลยี และบริษัทซัมซุง อิเล็กทรอนิกส์ รายงานผลประกอบการที่แข็งแกร่ง
หุ้นเอสทีไมโครอิเล็กทรอนิกส์พุ่ง 1.9% หลังคาดการณ์รายได้ไตรมาส 4 เพิ่มสูงขึ้น
หุ้นกลุ่มการเดินทางปรับตัวขึ้น หลังบริษัท Sodexo ของฝรั่งเศสปรับเพิ่มแนวโน้มผลกำไรในช่วงครึ่งแรกของปีนี้
หุ้นกลุ่มเหมืองแร่ที่อ่อนไหวต่อภาวะเศรษฐกิจพุ่งขึ้น 11.5% ในสัปดาห์นี้ ซึ่งเป็นการพุ่งขึ้นมากที่สุดนับตั้งแต่เดือนเม.ย. 2559 ขณะที่หุ้นกลุ่มน้ำมันและก๊าซพุ่งขึ้น 9.5%