ภาวะตลาดหุ้นยุโรป: หุ้นยุโรปปิดร่วง วิตกส่งมอบวัคซีนล่าช้า-หุ้นสหรัฐทรุดหนัก

ข่าวหุ้น-การเงิน Saturday January 30, 2021 07:47 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ตลาดหุ้นยุโรปปิดร่วงลงเมื่อคืนนี้ (29 ม.ค.) โดยถูกกดดันจากความวิตกเกี่ยวกับการส่งมอบวัคซีนต้านโรคโควิด-19 ที่ล่าช้าในสหภาพยุโรป หลังจากบริษัทผลิตวัคซีนปรับลดปริมาณการส่งมอบเนื่องจากมีปัญหาด้านการผลิต นอกจากนี้ การดิ่งลงอย่างหนักของตลาดหุ้นนิวยอร์กเนื่องจากความวิตกเกี่ยวกับการปั่นหุ้น GameStop ส่งผลกระทบต่อตลาดหุ้นยุโรปด้วย

ดัชนี Stoxx Europe 600 ปิดตลาดที่ระดับ 395.85 จุด ร่วงลง 7.54 จุด หรือ -1.87%

ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 5,399.21 จุด ร่วงลง 111.31 จุด หรือ -2.02%, ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมนีปิดที่ 13,432.87 จุด ร่วงลง 233.06 จุด หรือ -1.71% และดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 6,407.46 จุด ร่วงลง 118.69 จุด หรือ -1.82%

ตลาดหุ้นยุโรปปรับตัวลงมากที่สุดในรอบสัปดาห์นี้นับตั้งแต่เดือนต.ค. 2563 เนื่องจากนักลงทุนวิตกเกี่ยวกับความล่าช้าในการส่งมอบวัคซีนต้านโรคโควิด-19 ซึ่งจะกระทบต่อการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจ

บริษัทแอสตร้าเซนเนก้าแถลงว่า วัคซีนต้านโรคโควิด-19 ที่ทางบริษัทพัฒนาร่วมกับมหาวิทยาลัยอ็อกซ์ฟอร์ด จะมีการส่งมอบไปยังสหภาพยุโรป (EU) ต่ำกว่าเป้าหมายไปจนถึงปลายเดือนมี.ค. อันเนื่องจากปัญหาด้านการผลิต โดยคาดว่าจะมีการลดปริมาณการส่งมอบวัคซีนลง 60% เหลือเพียง 31 ล้านโดส

ด้านบริษัทไฟเซอร์ อิงค์ระบุเช่นกันว่า ทางบริษัทจะลดการส่งมอบวัคซีนต้านโควิด-19 เหลือเพียง 50% ให้แก่ยุโรป โดยจะกระทบการส่งมอบช่วงสิ้นเดือนนี้จนถึงต้นเดือนหน้า

นอกจากนี้ ตลาดหุ้นยุโรปยังปรับตัวลงตามทิศทางตลาดหุ้นสหรัฐซึ่งดิ่งลงมากกว่า 700 จุดในการซื้อขายช่วงเช้าวันศุกร์จากความวิตกเกี่ยวกับประสิทธิภาพวัคซีนโควิดของบริษัท J&J และจากภาวะผันผวนในตลาดที่เกิดจากการปั่นราคาหุ้น GameStop

บริษัท J&J เปิดเผยว่า วัคซีนของบริษัทโดสเดียวมีประสิทธิภาพ 72% ในการป้องกันโรคโควิด-19 ในสหรัฐ และต่ำกว่า 66% ในการทดลองที่ประเทศอื่นๆ ทั่วโลก ซึ่งถือเป็นระดับประสิทธิภาพที่ต่ำกว่าวัคซีนของไฟเซอร์/ไบโอเอ็นเทค และโมเดอร์นาซึ่งอยู่ที่ราว 95% ในการป้องกันโรคโควิด-19 เมื่อฉีด 2 โดส

ตลาดหุ้นสหรัฐยังถูกกดดันจากความวิตกเกี่ยวกับการปั่นหุ้น GameStop ซึ่งปิดพุ่งขึ้น 67.87% หลังจากราคาหุ้นร้านจำหน่ายวิดีโอเกมชื่อดังในสหรัฐแห่งนี้ พุ่งขึ้นมากกว่า 1,000% แล้วนับตั้งแต่ต้นเดือนนี้ ซึ่งเป็นผลจากการรวมตัวกันของนักลงทุนรายย่อยของสหรัฐในการเข้าซื้อเพื่อดันราคาขึ้น โดยหวังจะสั่งสอนกองทุนเฮดจ์ฟันด์รายใหญ่ที่เก็งกำไรด้วยการขายชอร์ตหุ้นตัวนี้ในตลาด

หุ้นที่อ่อนไหวต่อภาวะเศรษฐกิจในตลาดหุ้นยุโรป อาทิ หุ้นกลุ่มธนาคาร, กลุ่มประกัน, กลุ่มเหมืองแร่ รวมถึงกลุ่มน้ำมันและก๊าซ ปรับตัวลงมากที่สุดในสัปดาห์นี้


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ