ภาวะตลาดหุ้นยุโรป: หุ้นยุโรปปิดลบ บอนด์ยีลด์เพิ่ม-แรงขายหุ้นเทคโนฯถ่วงตลาด

ตลาดหุ้นยุโรปปิดลดลงเมื่อคืนนี้ (23 ก.พ.) เนื่องจากนักลงทุนเทขายหุ้นกลุ่มต่างๆ ออกมา โดยเฉพาะหุ้นกลุ่มเทคโนโลยี หลังอัตราผลตอบแทนพันธบัตรปรับตัวขึ้น ขณะที่การเปิดเผยผลประกอบการที่ไร้ทิศทางของบริษัทจดทะเบียนทำให้นักลงทุนไม่แน่ใจเกี่ยวกับอัตราการฟื้นตัวของเศรษฐกิจจากผลกระทบของโรคโควิด-19

ดัชนี Stoxx Europe 600 ปิดตลาดที่ระดับ 411.32 จุด ลดลง 1.74 จุด หรือ -0.42%

ดัชนี DAX ปิดที่ 13,864.81 จุด ลดลง 85.23 จุด หรือ -0.61% ขณะที่ดัชนี CAC 40 ปิดที่ 5,779.84 จุด เพิ่มขึ้น 12.40 จุด หรือ +0.21% และดัชนี FTSE 100 ปิดที่ 6,625.94 จุด เพิ่มขึ้น 13.70 จุด หรือ +0.21%

หุ้นกลุ่มเทคโนโลยีนำตลาดหุ้นยุโรปปรับตัวลงเป็นวันที่ 2 ติดต่อกัน โดยปรับตัวลงต่อเนื่องหลังจากแตะระดับสูงสุดในรอบ 20 ปี

บรรดานักลงทุนเลือกที่จะเทขายหุ้นกลุ่มเทคโนโลยี เนื่องจากมองว่ามีราคาแพงแล้วหลังปรับตัวขึ้นอย่างมากในช่วงที่ผ่านมา

การปรับตัวขึ้นของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรถ่วงตลาดหุ้นลง เนื่องจากนักลงทุนพากันขายหุ้นที่มีความเสี่ยงเพื่อเข้าลงทุนในพันธบัตรที่เป็นสินทรัพย์ปลอดภัยที่ให้ผลตอบแทนมากขึ้น

ทั้งนี้ อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลยุโรปปรับตัวขึ้น แม้นางคริสติน ลาการ์ด ประธานธนาคารกลางยุโรปแสดงความกังวลเกี่ยวกับการพุ่งขึ้นของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรในช่วงที่ผ่านมา

แต่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐปรับตัวลงเล็กน้อย หลังนายเจอโรม พาวเวล ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ไม่ได้แสดงความวิตกเกี่ยวกับแรงกดดันด้านเงินเฟ้อ และระบุย้ำถึงการสนับสนุนด้านการเงินต่อไป

หุ้นกลุ่มธนาคารได้ประโยชน์จากอัตราดอกเบี้ยกู้ยืมที่ปรับตัวขึ้น แต่หุ้นเอชเอสบีซี ลดลง 0.8% หลังเปิดเผยผลกำไรปี 2563 ร่วงลงอย่างรุนแรง อันเนื่องมาจากผลกระทบของโรคโควิด-19