ภาวะตลาดหุ้นยุโรป: หุ้นยุโรปปิดลบ จากแรงขายทำกำไรหุ้นเทคโนฯ-ทรัพยากร

ตลาดหุ้นยุโรปปิดปรับตัวลงเมื่อคืนนี้ (26 ก.พ.) เนื่องจากนักลงทุนเทขายทำกำไรหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีและกลุ่มที่เกี่ยวกับสินค้าโภคภัณฑ์ ท่ามกลางความวิตกเกี่ยวกับอัตราเงินเฟ้อและอัตราดอกเบี้ยที่เพิ่มขึ้นหลังจากอัตราผลตอบแทนพันธบัตรพุ่งขึ้นอย่างมาก

ดัชนี Stoxx Europe 600 ปิดตลาดที่ระดับ 404.99 จุด ลดลง 6.74 จุด หรือ -1.64%

ดัชนี CAC 40 ปิดที่ 5,703.22 จุด ลดลง 80.67 จุด หรือ -1.39%, ดัชนี DAX ปิดที่ 13,786.29 จุด ลดลง 93.04 จุด หรือ -0.67% และดัชนี FTSE 100 ปิดที่ 6,483.43 จุด ลดลง 168.53 จุด หรือ -2.53%

ดัชนี Stoxx Europe 600 ปรับตัวลง 2.4% ในสัปดาห์นี้ ซึ่งเป็นการลดลงรายสัปดาห์เป็นครั้งแรกในเดือนก.พ. โดยถูกกดดันจากการที่หุ้นกลุ่มเทคโนโลยีร่วงลงมากที่สุดอันเป็นผลจากแรงขายทำกำไรหลังพุ่งแตะระดับสูงสุดในรอบ 20 ปี

หุ้นกลุ่มทรัพยากรร่วงลง 4.2% จากระดับสูงสุดในรอบเกือบ 10 ปี และเป็นการปรับตัวลงวันเดียวรุนแรงที่สุดในรอบ 5 เดือน

อัตราผลตอบแทนพันธบัตรของสหรัฐและยูโรโซนปรับตัวลงเล็กน้อยในวันศุกร์ แต่ยังคงอยู่ใกล้ระดับสูงสุดที่เข้าทดสอบในสัปดาห์นี้ เนื่องจากนักลงทุนคาดว่าอัตราเงินเฟ้อจะเพิ่มขึ้นในปีนี้

หุ้นกลุ่มสาธารณูปโภค, กลุ่มเฮลธ์แคร์ และกลุ่มสินค้าอุปโภคบริโภคหลัก ปรับตัวลง ขณะที่กลุ่มพลังงาน, กลุ่มธนาคาร และกลุ่มเหมืองแร่ ปรับตัวขึ้นจากการคาดการณ์ที่ว่า กิจกรรมทางธุรกิจจะกระเตื้องขึ้นหลังจากที่มีการฉีดวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19

หุ้นกลุ่มธนาคารยังปรับตัวขึ้นอย่างมากโดยได้แรงหนุนจากอัตราผลตอบแทนพันธบัตรที่สูงขึ้น ส่วนหุ้นกลุ่มเดินทางและสันทนาการปรับตัวขึ้นแข็งแกร่งที่สุดในเดือนก.พ. เนื่องจากนักลงทุนคาดว่าธุรกิจดังกล่าวจะฟื้นตัวขึ้นอย่างมากจากการเปิดเศรษฐกิจ