ภาวะตลาดหุ้นนิวยอร์กดาวโจนส์ปิดลบ 121.43 จุด นลท.ขายหุ้นเทคโนฯ-วิตกบอนด์ยีลด์พุ่ง

ข่าวหุ้น-การเงิน Thursday March 4, 2021 06:43 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดลบเมื่อคืนนี้ (3 มี.ค.) เนื่องจากนักลงทุนยังคงเทขายหุ้นกลุ่มเทคโนโลยี โดยเฉพาะหุ้นบริษัทเทคโนโลยีที่มีมูลค่าสูงในกลุ่ม FAANG (เฟซบุ๊ก แอปเปิล แอมะซอน เน็ตฟลิกซ์ และอัลฟาเบทซึ่งเป็นบริษัทแม่ของกูเกิล) รวมทั้งความวิตกกังวลเกี่ยวกับผลกระทบของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐที่พุ่งขึ้นเมื่อคืนนี้ ขณะเดียวกันนักลงทุนจับตาความคืบหน้าในการผลักดันมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาลสหรัฐ รวมทั้งตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรของสหรัฐซึ่งมีกำหนดเปิดเผยในวันพรุ่งนี้

ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดที่ 31,270.09 จุด ลดลง 121.43 จุด หรือ -0.39% ขณะที่ดัชนี S&P500 ปิดที่ 3,819.72 จุด ลดลง 50.57 จุด หรือ -1.31% ส่วนดัชนี Nasdaq ปิดที่ 12,997.75 จุด ลดลง 361.04 จุด หรือ -2.70%

หุ้น 8 ใน 11 กลุ่มที่คำนวณในดัชนี S&P500 ปรับตัวลง นำโดยดัชนีหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีที่ร่วงลงอย่างหนักถึง 2.49% เนื่องจากนักลงทุนเทขายหุ้นเทคโนโลยีซึ่งมีความอ่อนไหวต่ออัตราดอกเบี้ย หลังจากอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 10 ปี ดีดตัวสู่ระดับ 1.47% เมื่อคืนนี้ โดยพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 10 ปีถือเป็นพันธบัตรที่ใช้อ้างอิงในการกำหนดราคาของตราสารหนี้ทั่วโลก ซึ่งรวมถึงอัตราดอกเบี้ยเงินกู้จำนอง หากอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลปรับตัวขึ้น จะทำให้บริษัทต่างๆเผชิญกับต้นทุนที่สูงขึ้นจากการชำระหนี้ ซึ่งจะส่งผลให้บริษัทเหล่านี้ลดการลงทุน และลดการจ่ายเงินปันผลแก่นักลงทุน

ทั้งนี้ หุ้นเฟซบุ๊ก ร่วงลง 1.39% หุ้นแอปเปิล ดิ่งลง 2.45% หุ้นแอมะซอน ร่วงลง 2.89% หุ้นเน็ตฟลิกซ์ ดิ่งลง 2.49% หุ้นอัลฟาเบท ร่วงลง 2.57%

นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับแรงกดดันจากข้อมูลแรงงานที่ซบเซาของสหรัฐ โดยออโตเมติก ดาต้า โพรเซสซิ่ง อิงค์ (ADP) และมูดี้ส์ อนาลิติกส์ เปิดเผยว่า การจ้างงานของภาคเอกชนสหรัฐเพิ่มขึ้นเพียง 117,000 ตำแหน่งในเดือนก.พ. ซึ่งต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 225,000 ตำแหน่ง

อย่างไรก็ดี นักลงทุนเข้าซื้อหุ้นที่คาดว่าจะได้ประโยชน์จากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ ซึ่งรวมถึงหุ้นกลุ่มอุตสาหกรรมและกลุ่มการเงิน อันเนื่องมาจากความคืบหน้าของมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจสหรัฐและการฉีดวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 โดยหุ้นโบอิ้ง พุ่งขึ้น 2.39% หุ้นเจเนอรัล อิเล็กทริก ทะยานขึ้น 3.8% หุ้น 3M บวก 0.51% ส่วนหุ้นในกลุ่มการเงินนั้น หุ้นเจพีมอร์แกน เชส พุ่งขึ้น 1.96% หุ้นโกลด์แมน แซคส์ เพิ่มขึ้น 1.05% หุ้นมอร์แกน สแตนลีย์ พุ่งขึ้น 1.57%

หุ้นกลุ่มพลังงานพุ่งขึ้นตามทิศทางราคาน้ำมันดิบ WTI หลังมีการคาดการณ์ว่ากลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) และชาติพันธมิตร หรือโอเปกพลัส จะไม่เพิ่มกำลังการผลิตในการประชุมสัปดาห์นี้ โดยหุ้นเชฟรอน บวก 1.10% หุ้นโคโนโคฟิลลิปส์ พุ่งขึ้น 2.64% หุ้นเอ็กซอน โมบิล เพิ่มขึ้น 0.8% หุ้นออคซิเดนเชียล ปิโตรเลียม ทะยานขึ้น 3.02%

นักลงทุนยังคงติดตามความคืบหน้าในการออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของสหรัฐ โดยสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐลงมติให้ความเห็นชอบต่อมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจวงเงิน 1.9 ล้านล้านดอลลาร์ในช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา และขณะนี้อยู่ในระหว่างการพิจารณาของวุฒิสภา ก่อนที่จะส่งให้ประธานาธิบดีโจ ไบเดนลงนามรับรองเป็นกฎหมาย

นอกจากนี้ นักลงทุนยังจับตาตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรเดือนก.พ.ของสหรัฐซึ่งกระทรวงแรงงานมีกำหนดเปิดเผยในวันพรุ่งนี้ ด้านนักวิเคราะห์คาดการณ์ว่า ตัวเลขจ้างงานเดือนก.พ.จะเพิ่มขึ้น 210,000 ตำแหน่ง

สำหรับข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐที่มีการเปิดเผยล่าสุดเมื่อคืนนี้ ไอเอชเอส มาร์กิต ซึ่งเป็นบริษัทให้บริการข้อมูลทางการเงิน เปิดเผยว่า ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคบริการขั้นสุดท้ายของสหรัฐ ปรับตัวขึ้นสู่ระดับ 59.8 ในเดือนก.พ. ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนก.ค.2557 จากระดับ 58.3 ในเดือนม.ค.

ทางด้านสถาบันจัดการด้านอุปทานของสหรัฐ (ISM) เปิดเผยว่า ดัชนีภาคบริการของสหรัฐปรับตัวลงสู่ระดับ 55.3 ในเดือนก.พ. จากระดับ 58.7 ในเดือนม.ค. และต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าจะทรงตัวที่ระดับ 58.7 โดยดัชนีภาคบริการของสหรัฐได้รับผลกระทบจากการร่วงลงของคำสั่งซื้อใหม่และการจ้างงาน ท่ามกลางการเกิดพายุฤดูหนาวในสหรัฐ

ส่วนข้อมูลเศรษฐกิจด้านอื่นๆของสหรัฐที่มีกำหนดเปิดเผยในสัปดาห์นี้ได้แก่ จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์, ยอดสั่งซื้อภาคโรงงานเดือนม.ค., ตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรเดือนก.พ. และดุลการค้าเดือนม.ค.


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ