ตลาดหุ้นยุโรปปิดบวกเล็กน้อยเมื่อคืนนี้ (3 มี.ค.) ขณะที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรที่ปรับตัวขึ้นอีกครั้งได้ส่งผลกดดันตลาด ขณะที่นักลงทุนกังวลว่า อัตราเงินเฟ้อจะเพิ่มขึ้นในปีนี้
ดัชนี Stoxx Europe 600 ปิดตลาดที่ระดับ 413.42 จุด เพิ่มขึ้น 0.19 จุด หรือ +0.05%
ดัชนี CAC 40 ปิดที่ 5,830.06 จุด เพิ่มขึ้น 20.33 จุด หรือ +0.35%, ดัชนี DAX ปิดที่ 14,080.03 จุด เพิ่มขึ้น 40.23 จุด หรือ +0.29% และดัชนี FTSE 100 ปิดที่ 6,675.47 จุด เพิ่มขึ้น 61.72 จุด หรือ +0.93%
ตลาดหุ้นยุโรปปิดแทบไม่ขยับหลังเปิดตลาดพุ่งขึ้น โดยนักลงทุนเทขายหุ้นกลุ่มสาธารณูปโภคออกมา เนื่องจากหุ้นกลุ่มนี้ถูกมองว่าเป็นตัวแทนของพันธบัตร และมักถูกเทขายเมื่ออัตราผลตอบแทนพันธบัตรปรับตัวขึ้น
อัตราผลตอบแทนพันธบัตรยุโรปปรับตัวขึ้นในวันพุธ ขณะที่การคาดการณ์เงินเฟ้อระยะยาวในยูโรโซนเพิ่มขึ้นสู่ระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนพ.ค. 2562
อย่างไรก็ตาม ตลาดหุ้นยุโรปได้แรงหนุนบางส่วนจากผลสำรวจของไอเอชเอส มาร์กิตที่บ่งชี้ว่า ความหวังที่ว่าการฉีดวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 จะกระตุ้นให้เศรษฐกิจกลับคืนสู่ภาวะปกตินั้นได้หนุนความเชื่อมั่นเกี่ยวกับกิจกรรมทางธุรกิจในยูโรโซนสู่ระดับสูงสุดในรอบ 3 ปี
ตลาดหุ้นเยอรมนีปรับตัวขึ้น หลังจากนักลงทุนขานรับการคาดการณ์ที่ว่า รัฐบาลจะผ่อนคลายมาตรการล็อกดาวน์หลังจากที่มีการเร่งฉีดวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 แต่การปรับตัวลงของหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีถ่วงตลาดลงจากระดับสูงสุดของวัน
ส่วนตลาดหุ้นอังกฤษได้แรงหนุนจากการที่นายริชิ ซูแนค รมว.คลังอังกฤษประกาศขยายโครงการฉุกเฉินเพื่อสนับสนุนเศรษฐกิจให้ฟื้นตัวจากผลกระทบของโรคระบาด
หุ้นกลุ่มธนาคารของอังกฤษปรับตัวขึ้นหลังจากนายซูแนคเปิดเผยว่า อังกฤษจะทบทวนการเก็บภาษีกำไรของธนาคารอังกฤษเพื่อให้สามารถแข่งขันกับคู่แข่งต่าชาติ
หุ้นกลุ่มเฮลธ์แคร์และกลุ่มเทคโนโลยีปรับตัวลงอย่างมาก เนื่องจากนักลงทุนเทขายหุ้นกลุ่มปลอดภัย และเข้าซื้อหุ้นกลุ่มที่คาดว่าจะได้ประโยชน์จากการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจ โดยหุ้นกลุ่มรถยนต์และกลุ่มการเดินทางปรับตัวขึ้นมากที่สุด