ตลาดหุ้นยุโรปปิดปรับตัวลงเมื่อคืนนี้ (25 มี.ค.) เนื่องจากนักลงทุนเทขายหุ้นกลุ่มพลังงานและกลุ่มการเงินเพื่อเข้าซื้อหุ้นกลุ่มปลอดภัยท่ามกลางความไม่แน่นอนที่เพิ่มขึ้นเกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจ หลังจากที่มีการขยายมาตรการล็อกดาวน์เพื่อควบคุมการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ในยูโรโซน
ดัชนี Stoxx Europe 600 ปิดตลาดที่ระดับ 423.08 จุด ลดลง 0.31 จุด หรือ -0.07%
ดัชนี FTSE 100 ปิดที่ 6,674.83 จุด ลดลง 38.06 จุด หรือ -0.57% ขณะที่ดัชนี CAC 40 ปิดที่ 5,952.41 จุด เพิ่มขึ้น 5.12 จุด หรือ +0.09% และดัชนี DAX ปิดที่ 14,621.36 จุด เพิ่มขึ้น 10.97 จุด หรือ +0.08%
ตลาดหุ้นยุโรปปรับตัวลงจากความวิตกเกี่ยวกับการแพร่ระบาดรอบใหม่ของโรคโควิด-19 และการล็อกดาวน์ครั้งใหม่ ซึ่งบดบังปัจจัยบวกจากการฟื้นตัวของกิจกรรมทางธุรกิจที่แข็งแกร่งในเดือนมี.ค.
ตลาดหุ้นอังกฤษปรับตัวลง เนื่องจากสหภาพยุโรป (EU) พิจารณาความเป็นไปได้ที่จะสกัดการส่งออกวัคซีนโควิดไปยังประเทศที่มีอัตราการฉีดวัคซีนสูง เช่น อังกฤษ หรือประเทศซึ่งไม่ได้แบ่งปันวัคซีนที่ผลิตได้ ซึ่งนักวิเคราะห์รายหนึ่งกล่าวว่า การตัดสินใจดังกล่าวของ EU อาจส่งผลกระทบอย่างรุนแรงต่อการเปิดประเทศของอังกฤษ
นอกจากนี้ ตลาดหุ้นยุโรปยังถูกกดดันจากการที่นักลงทุนสถาบันปรับพอร์ตการลงทุนในช่วงสิ้นเดือนด้วย
หุ้นกลุ่มน้ำมันและก๊าซปรับตัวลงตามราคาน้ำมันดิบ ขณะที่หุ้นกลุ่มธนาคารร่วงลงตามอัตราผลตอบแทนพันธบัตร
หุ้น H&M ร่วง 1.6% หลังผู้ค้าปลีกออนไลน์อย่างน้อย 1 รายของจีนแบนสินค้าของ H&M หลังมีการโจมตีทางโซเชียลมีเดียจากการที่ H&M ระบุว่า มีความวิตกอย่างมากเกี่ยวกับรายงานการบังคับใช้แรงงานในซินเจียง
หุ้นอาดิดาส ดิ่งลง 6% หลังถูกวิพากษ์วิจารณ์ในจีนด้วยเช่นกัน
หุ้นซีนเวิลด์ ร่วง 7% หลังรายงานผลขาดทุน 3 พันล้านดอลลาร์ในปี 2563 และเตรียมขออนุมัติผู้ถือหุ้นปรับเพิ่มเพดานหนี้
ส่วนหุ้นกลุ่มปลอดภัย อาทิ กลุ่มสาธารณูปโภค, เทเลคอม รวมถึงอาหารและเครื่องดื่ม ปรับตัวขึ้นสวนทางตลาด