ตลาดหุ้นยุโรปปิดปรับตัวขึ้นเมื่อคืนนี้ (8 เม.ย.) แตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ เนื่องจากนักลงทุนเชื่อมั่นเกี่ยวกับการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลก หลังจากธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ส่งสัญญานว่า ยังไม่รีบที่จะคุมเข้มนโยบายการเงิน
ดัชนี Stoxx Europe 600 ปิดตลาดที่ระดับ 436.86 จุด เพิ่มขึ้น 2.54 จุด, +0.58%
ดัชนี CAC 40 ปิดที่ 6,165.72 จุด เพิ่มขึ้น 35.06 จุด หรือ +0.57%, ดัชนี DAX ปิดที่ 15,202.68 จุด เพิ่มขึ้น 26.32 จุด หรือ +0.17% และดัชนี FTSE 100 ปิดที่ 6,942.22 จุด เพิ่มขึ้น 56.90 จุด หรือ +0.83%
ตลาดหุ้นยุโรปได้แรงหนุนจากการที่เฟดเปิดเผยรายงานการประชุมเดือนมี.ค.บ่งชี้ว่า เฟดยังคงวิตกเกี่ยวกับความเสี่ยงจากการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 และให้คำมั่นที่จะสนับสนุนเศรษฐกิจต่อไปจนกว่าการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจจะแข็งแกร่งมากขึ้น
นอกจากนี้ ตลาดยังได้แรงหนุนจากการที่เยอรมนีเปิดเผยข้อมูลยอดสั่งซื้อภาคอุตสาหกรรมเพิ่มขึ้นเป็นเดือนที่ 2 ติดต่อกันในเดือนก.พ. โดยได้แรงหนุนจากอุปสงค์ที่แข็งแกร่งในประเทศ
นักวิเคราะห์รายหนึ่งของยูบีเอสระบุว่า เศรษฐกิจยุโรปยังคงปรับตัวได้ดี แม้โรคโควิด-19 ระบาดเป็นรอบที่ 3 แล้วก็ตาม
หุ้นแอสตร้าเซนเนก้า พุ่งขึ้น 2.0% โดยนักลงทุนเข้าซื้อหุ้นดังกล่าวโดยไม่สนใจข่าวที่ว่า หลายประเทศในยุโรปได้ประกาศห้ามใช้วัคซีนแอสตร้าเซนเนก้าในประชากรที่มีอายุน้อย หลังจากพบว่าวัคซีนดังกล่าวมีความเกี่ยวพันกับอาการลิ่มเลือดอุดตันซึ่งแทบไม่ค่อยเกิดขึ้น
หุ้นอาดิดาสของเยอรมนี บวก 2.31% ขณะที่หุ้นแอร์เมสและหุ้นลอรีอัลของฝรั่งเศส พุ่ง 3.07% และ 2.69% ตามลำดับ