ดัชนีดาวโจนส์ร่วงลงกว่า 100 จุดในวันนี้ หลังจากพุ่งแรงวานนี้ โดยตลาดหุ้นวอลล์สตรีทปรับตัวลง แม้บริษัทแอมะซอนเปิดเผยผลประกอบการที่ดีเกินคาด
ณ เวลา 20.41 น.ตามเวลาไทย ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์อยู่ที่ 33,926.94 จุด ลบ 133.42 จุด หรือ 0.39%
บริษัทแอมะซอนเปิดเผยผลประกอบการประจำไตรมาส 1 โดยระบุว่า บริษัทมีกำไร 15.79 ดอลลาร์/หุ้น สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 9.54 ดอลลาร์/หุ้น ขณะที่รายได้อยู่ที่ระดับ 1.0852 แสนล้านดอลลาร์ สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 1.0447 แสนล้านดอลลาร์
ดัชนีดาวโจนส์พุ่งขึ้นกว่า 200 จุดเมื่อคืนนี้ ขานรับการขยายตัวที่แข็งแกร่งของเศรษฐกิจสหรัฐ และผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนที่ดีเกินคาด รวมทั้งการที่ประธานาธิบดีโจ ไบเดนเปิดเผยมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจต่อสภาคองเกรส และนายเจอโรม พาวเวล ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ยืนยันว่า เฟดจะยังคงใช้นโยบายผ่อนคลายทางการเงินต่อไป และจะยังไม่ปรับลดวงเงินซื้อพันธบัตรตามมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) แม้เศรษฐกิจสหรัฐมีการฟื้นตัวแข็งแกร่งมากขึ้นก็ตาม
ราคาหุ้นแอปเปิลร่วงลงเกือบ 1% ในวันนี้ หลังจากที่คณะกรรมาธิการยุโรป (EC) ซึ่งเป็นองค์กรบริหารของสหภาพยุโรป (EU) แถลงว่า บริษัทแอปเปิล อิงค์ได้ละเมิดกฎหมายป้องกันการผูกขาดตลาด โดยได้ครอบงำตลาดแอปพลิเคชั่นสตรีมมิ่งเพลงผ่านทาง App Store
EC ออกแถลงการณ์ระบุว่า "EC ได้แจ้งบริษัทแอปเปิลว่าทางบริษัทได้บิดเบือนการแข่งขันในตลาดสตรีมมิ่งเพลง โดยใช้สถานะการครอบครองตลาดผ่านทาง App Store"
ทั้งนี้ EC ได้ดำเนินการสอบสวนแอปเปิลในปีที่แล้ว หลังจากที่ Spotify ซึ่งเป็นแพลทฟอร์มสตรีมมิ่งเพลงรายใหญ่ ได้ร้องเรียนในปี 2562 เกี่ยวกับข้อตกลงใบอนุญาตของแอปเปิล ซึ่งระบุว่า ผู้พัฒนาแอปพลิเคชั่นจะต้องจ่ายค่าคอมมิชชั่น 30% ให้แก่แอปเปิล โดยคิดจากรายได้ซึ่งมาจากค่าสมาชิกที่ผู้พัฒนาแอปพลิเคชั่นได้รับผ่านทาง App Store
สำหรับในขั้นตอนต่อไป แอปเปิลจะต้องทำการชี้แจงต่อ EC เพื่อแก้ข้อกล่าวหาดังกล่าว
ส่วนการเปิดเผยตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐในวันนี้ กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า การใช้จ่ายส่วนบุคคลของผู้บริโภคสหรัฐพุ่งขึ้น 4.2% ในเดือนมี.ค. สูงกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ที่ระดับ 4.1% หลังจากลดลง 1.0% ในเดือนก.พ.
นอกจากนี้ รายได้ส่วนบุคคลพุ่งขึ้น 21.2% ในเดือนมี.ค. สูงกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ที่ระดับ 20.3% หลังจากลดลง 7.0% ในเดือนก.พ.
การพุ่งขึ้นของการใช้จ่ายและรายได้ส่วนบุคคลได้รับแรงหนุนจากการที่รัฐบาลสหรัฐส่งเช็คเงินสดให้แก่ชาวอเมริกันตามมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพื่อเยียวยาผลกระทบจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19
กระทรวงพาณิชย์สหรัฐยังเปิดเผยว่า ดัชนีราคาการใช้จ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคล (PCE) เพิ่มขึ้น 0.5% ในเดือนมี.ค.
เมื่อเทียบรายปี ดัชนี PCE ดีดตัวขึ้น 2.3% ในเดือนมี.ค. หลังจากปรับตัวขึ้น 1.5% ในเดือนก.พ.
ส่วนดัชนี PCE พื้นฐาน ซึ่งไม่นับรวมหมวดอาหารและพลังงาน และเป็นมาตรวัดอัตราเงินเฟ้อที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ให้ความสำคัญ เพิ่มขึ้น 0.4% ในเดือนมี.ค.
เมื่อเทียบรายปี ดัชนี PCE พื้นฐาน ปรับตัวขึ้น 1.8% ในเดือนมี.ค.