ตลาดหุ้นยุโรปปิดปรับตัวขึ้นเมื่อคืนนี้ (5 พ.ค.) โดยได้แรงหนุนจากหุ้นกลุ่มทรัพยากรที่พุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบ 10 ปี ขณะที่การเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจบ่งชี้ว่า กิจกรรมทางธุรกิจของยูโรโซนกระเตื้องขึ้นในเดือนเม.ย.
ดัชนี Stoxx Europe 600 ปิดตลาดที่ระดับ 441.55 จุด เพิ่มขึ้น 7.90 จุด หรือ +1.82%
ดัชนี CAC 40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 6,339.47 จุด เพิ่มขึ้น 87.72 จุด หรือ +1.40%, ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมนีปิดที่ 15,170.78 จุด เพิ่มขึ้น 314.30 จุด หรือ +2.12% และดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,039.30 จุด เพิ่มขึ้น 116.13 จุด หรือ +1.68%
ตลาดได้แรงหนุนจากการเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจที่บ่งชี้ว่ากิจกรรมทางธุรกิจของยูโรโซนขยายตัวในเดือนเม.ย. โดยไอเอชเอส มาร์กิตซึ่งเป็นบริษัทให้บริการข้อมูลทางการเงินเปิดเผยว่า ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคบริการขั้นสุดท้ายของยูโรโซนปรับตัวขึ้นแตะ 53.8 ในเดือนเม.ย. จากระดับของเดือนมี.ค.ที่ 53.2
หุ้นที่ปรับตัวตามภาวะเศรษฐกิจได้แรงหนุนจากการคาดการณ์เกี่ยวกับการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ โดยกลุ่มธนาคาร, กลุ่มเดินทางและสันทนาการ และกลุ่มทรัพยากรพื้นฐานนำตลาดปรับตัวขึ้นในปีนี้
ตลาดหุ้นยุโรปดีดตัวขึ้นมากที่สุดในรอบเกือบ 2 เดือนหลังร่วงลงอย่างหนักเมื่อวันอังคาร โดยหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีฟื้นตัวขึ้น 2.7%
หุ้นกลุ่มทรัพยากรพื้นฐาน พุ่งขึ้น 4.7% สู่ระดับสูงสุดในรอบ 10 ปี โดยหุ้นกลุ่มเหมืองแร่รายใหญ่ในตลาดหุ้นลอนดอนพุ่งขึ้นหลังราคาทองแดงแตะระดับสูงสุดในรอบหลายสิบปีจากความเชื่อมั่นว่าเศรษฐกิจโลกจะฟื้นตัวอย่างรวดเร็ว
หุ้นกลุ่มน้ำมันและก๊าซ พุ่งขึ้น 3.2% สูงสุดนับตั้งแต่กลางเดือนก.พ. เนื่องจากการคาดการณ์อุปสงค์ที่ฟื้นตัวหนุนราคาน้ำมัน
หุ้นกลุ่มก่อสร้างและกลุ่มวัสดุ พุ่งขึ้น 2.9% สู่ระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ด้วย
นอกจากนี้ การเปิดเผยผลประกอบการไตรมาสแรกที่แข็งแกร่งของบริษัทจดทะเบียนในยุโรปช่วยหนุนตลาดด้วย
หุ้นฮิวโก บอสของเยอรมนี พุ่งขึ้น 5.2% หลังเปิดเผยยอดขายไตรมาสแรกเพิ่มขึ้นเกือบ 2 เท่าในประเทศจีน