ดัชนีเซี่ยงไฮ้คอมโพสิตตลาดหุ้นจีนปิดลบในวันนี้ เนื่องจากความวิตกกังวลเกี่ยวกับสถานการณ์ตึงเครียดระหว่างจีนและสหรัฐยังคงสร้างแรงกดดันต่อตลาด และยังได้บดบังปัจจัยบวกจากข้อมูลเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งของจีนในวันนี้ด้วย
สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า ดัชนีเซี่ยงไฮ้คอมโพสิตปิดที่ 3,418.87 จุด ลดลง 22.41 จุด หรือ -0.65%
ตลาดหุ้นจีนปิดอ่อนแรงลง ท่ามกลางความกังวลเกี่ยวกับสถานการณ์ตึงเครียดระหว่างสหรัฐและจีน โดยรายงานระบุว่านางแคทเธอรีน ไท่ ผู้แทนการค้าของสหรัฐ (USTR) จะเจรจากับเจ้าหน้าที่จีนในเร็วๆนี้ เพื่อประเมินผลการดำเนินงานตามข้อตกลงการค้าเฟสแรกระหว่างสองประเทศ ซึ่งผลการประเมินจะส่งผลต่อท่าทีของสหรัฐในการเรียกเก็บภาษีนำเข้าสินค้าจากจีน
นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับแรงกดดันหลังจากคณะกรรมการพัฒนาและปฏิรูปแห่งชาติจีน (NDRC) ประกาศระงับการเจรจาเชิงกลยุทธ์ทางเศรษฐกิจระหว่างจีนและออสเตรเลีย (China-Australia Strategic Economic Dialogue) อย่างไม่มีกำหนด ซึ่งความเคลื่อนไหวดังกล่าวสะท้อนถึงความสัมพันธ์อันตึงเครียดระหว่างรัฐบาลจีนและรัฐบาลออสเตรเลีย
ความกังวลในเรื่องดังกล่าวได้บดบังปัจจัยบวกจากข้อมูลเศรษฐกิจของจีนในวันนี้ โดยไฉซิน/มาร์กิตระบุว่า ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคบริการเดือนเม.ย.ของจีนพุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบ 4 เดือนที่ 56.3 จากระดับ 54.3 ในเดือนมี.ค. โดยได้แรงหนุนจากกิจกรรมทางธุรกิจที่มีการขยายตัวอย่างรวดเร็ว หลังจากที่จีนประสบความสำเร็จในการควบคุมการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19
ทางด้านสำนักงานศุลกากรจีน (GAC) รายงานในวันนี้ว่า ยอดส่งออกเดือนเม.ย.พุ่งขึ้น 32.3% เมื่อเทียบเป็นรายปี แตะที่ 2.6392 แสนล้านดอลลาร์ สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าจะเพิ่มขึ้น 24.1% และดีกว่าในเดือนมี.ค.ที่มีการขยายตัว 30.6% ซึ่งเป็นสัญญาณบ่งชี้ว่าเศรษฐกิจจีนยังคงฟื้นตัวจากการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19
ส่วนยอดนำเข้าในเดือนเม.ย.ทะยานขึ้น 43.1% เมื่อเทียบรายปี ซึ่งเป็นการขยายตัวที่แข็งแกร่งที่สุดนับตั้งแต่เดือนม.ค. 2554 และดีกว่าในเดือนมี.ค.ที่มีการขยายตัว 38.1% นอกจากนี้ ยอดนำเข้าเดือนเม.ย.ยังแข็งแกร่งกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าจะปรับตัวขึ้น 42.5%
ทั้งนี้ จีนมียอดเกินดุลการค้าในเดือนเม.ย.ที่ระดับ 4.285 หมื่นล้านอลลาร์ สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ที่ 2.81 หมื่นล้านดอลลาร์