ตลาดหุ้นยุโรปปิดปรับตัวขึ้นเมื่อคืนนี้ (7 พ.ค.) โดยได้แรงหนุนจากการเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจและผลประกอบการที่แข็งแกร่งในยุโรป ซึ่งทำให้นักลงทุนมีความหวังว่าเศรษฐกิจจะฟื้นตัวขึ้นอย่างรวดเร็วจากการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19
ดัชนี Stoxx Europe 600 ปิดตลาดที่ระดับ 444.93 จุด เพิ่มขึ้น 3.91 จุด หรือ +0.89%
ดัชนี CAC 40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 6,385.51 จุด เพิ่มขึ้น 28.42 จุด หรือ +0.45%, ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมนีปิดที่ 15,399.65 จุด เพิ่มขึ้น 202.91 จุด หรือ +1.34% และดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,129.71 จุด เพิ่มขึ้น 53.54 จุด หรือ +0.76%
ตลาดหุ้นยุโรปปิดบวกที่ระดับสูงเป็นประวัติการณ์ และเพิ่มขึ้น 1.7% ในรอบสัปดาห์นี้ ซึ่งเป็นการปรับตัวขึ้นรายสัปดาห์มากที่สุดนับตั้งแต่กลางเดือนมี.ค.
ตลาดหุ้นยุโรปปรับตัวขึ้นตามตลาดหุ้นทั่วโลกซึ่งทะยานขึ้นสู่ระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ เนื่องจากนักลงทุนคลายความวิตกที่ว่าธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะลดมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ หลังจากที่มีการเปิดเผยข้อมูลในวันศุกร์บ่งชี้ว่า ตลาดแรงงานสหรัฐยังฟื้นตัวต่ำกว่าคาด
หุ้นกลุ่มเทคโนโลยีของยุโรปปรับตัวขึ้นมากที่สุด โดยพุ่งขึ้น 2.2% หลังฟื้นตัวขึ้นจากการร่วงลงในช่วงต้นสัปดาห์
หุ้นกลุ่มทรัพยากร พุ่งขึ้น 7.2% ในรอบสัปดาห์นี้ และอยู่เหนือระดับสูงสุดในรอบ 10 ปี โดยความเชื่อมั่นเกี่ยวกับอุปสงค์ที่ฟื้นตัวทั่วโลกได้ช่วยหนุนราคาโลหะพื้นฐาน และราคาสินแร่เหล็ก
นอกจากนี้ ตลาดยังได้แรงหนุนจากข้อมูลที่บ่งชี้ว่า บริษัทของเยอรมนีเพิ่มการส่งออกเป็นเดือนที่ 11 ติดต่อกันในเดือนมี.ค. โดยการส่งออกขยายตัว 1.2% มากกว่าที่นักเศรษฐศาสตร์คาดไว้ถึง 2 เท่า
นอกจากนี้ การเปิดเผยผลประกอบการที่แข็งแกร่งของบริษัทจดทะเบียนในยุโรปได้ช่วยหนุนตลาดด้วย โดยหุ้นบริษัทอาดิดาส พุ่งขึ้น 8.4% หลังบริษัทปรับเพิ่มแนวโน้มยอดขายในปีนี้
หุ้นแพนโดรา ซึ่งเป็นบริษัทเครื่องประดับของเดนมาร์ก พุ่งขึ้น 3.0% หลังรายงานยอดขายขยายตัว 214% ในเดือนเม.ย.