ภาวะตลาดหุ้นยุโรป: หุ้นยุโรปปิดบวก รับแรงซื้อหุ้นเทคโนโลยี

ตลาดหุ้นยุโรปปิดบวกเมื่อคืนนี้ (25 พ.ค.) โดยหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีนำตลาดปรับตัวขึ้น อย่างไรก็ดี หุ้นกลุ่มเหมืองแร่ร่วงลง เนื่องจากนักลงทุนวิตกกังวลเกี่ยวกับข่าวรัฐบาลจีนเตรียมออกมาตรการควบคุมราคาสินค้าโภคภัณฑ์ รวมทั้งตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ของเยอรมนีที่หดตัวลงมากกว่าคาดในไตรมาส 1

ดัชนี Stoxx Europe 600 ปิดตลาดที่ระดับ 445.20 จุด เพิ่มขึ้น 0.13 จุด หรือ +0.029%

ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,029.79 จุด ลดลง 21.80 จุด หรือ -0.31% ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมนีปิดที่ 15,465.09 จุด เพิ่มขึ้น 27.58 จุด หรือ +0.18% ดัชนี CAC 40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 6,390.27 จุด ลดลง 18.22 จุด หรือ -0.28%

ดัชนีหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีพุ่งขึ้น 1.3% หลังจากนายชาร์ลส์ อีแวนส์ ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) สาขาชิคาโก กล่าวว่า การดีดตัวขึ้นของอัตราเงินเฟ้อก่อนหน้านี้จะไม่ทำให้เกิดภาวะเงินเฟ้อทะยานขึ้นแบบไม่พึงประสงค์ตามที่นักวิเคราะห์หลายคนได้เคยเตือนไว้ นอกจากนี้ นายอีแวนส์ยังกล่าวย้ำว่า เขาสนับสนุนนโยบายการเงินแบบผ่อนคลายเป็นพิเศษของเฟด

อย่างไรก็ดี ดัชนีหุ้นกลุ่มเหมืองแร่ร่วงลง 1.7% หลังมีรายงานว่า รัฐบาลจีนจะใช้บทลงโทษขั้นรุนแรงต่อผู้ที่ละเมิดกฎข้อบังคับด้านการซื้อขายในตลาดสินค้าโภคภัณฑ์ โดยมาตรการดังกล่าวมีเป้าหมายที่จะสะกัดความร้อนแรงของราคาสินค้าโภคภัณฑ์

นอกจากนี้ ตลาดหุ้นยุโรปยังได้รับแรงกดดันจากรายงานของสำนักงานสถิติแห่งชาติเยอรมนีซึ่งระบุว่า ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) หดตัวลง 1.8% เมื่อเทียบเป็นรายไตรมาส และหดตัวลง 3.1% เมื่อเทียบเป็นรายปี ซึ่งย่ำแย่กว่าที่นักวิเคราะห์คาดไว้ว่าจะหดตัว 1.7% เมื่อเทียบเป็นรายไตรมาส และหดตัว 3% เมื่อเทียบเป็นรายปี

สำหรับปัจจัยที่ทำให้ GDP เยอรมนีหดตัวลงมากกว่าคาดนั้น มาจากการที่รัฐบาลออกมาตรการที่เข้มงวดเพื่อควบคุมการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ซึ่งส่งผลให้ภาคคร้วเรือนหันไปออมเงินมากกว่าที่จะนำออกมาใช้จ่าย