ดาวโจนส์ปรับตัวแคบ คาดเฟดไม่มีเซอร์ไพรส์ในการประชุมวันนี้

ข่าวหุ้น-การเงิน Wednesday June 16, 2021 21:03 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ดัชนีดาวโจนส์ปรับตัวแคบ ขณะที่นักลงทุนจับตาผลการประชุมนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ในวันนี้ แต่คาดว่าเฟดยังไม่ปรับเปลี่ยนนโยบายการเงินในการประชุมครั้งนี้

ณ เวลา 20.45 น.ตามเวลาไทย ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์อยู่ที่ 34,271.55 จุด ลบ 27.78 จุด หรือ 0.08%

นักลงทุนจับตาเฟดปรับประมาณการเศรษฐกิจสหรัฐ รวมทั้งอัตราดอกเบี้ย, อัตราเงินเฟ้อ และอัตราว่างงานในการประชุมวันนี้ ขณะที่นายเจอโรม พาวเวล ประธานเฟด จะกล่าวถ้อยแถลงหลังการประชุม

นักวิเคราะห์คาดว่าเฟดจะยังคงตรึงอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นที่ระดับ 0.00-0.25% และยังคงเดินหน้าซื้อพันธบัตรตามมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) วงเงิน 1.2 แสนล้านดอลลาร์/เดือนในการประชุมครั้งนี้ โดยเฟดมองว่าเงินเฟ้อที่พุ่งขึ้นในระยะนี้เป็นเพียงปัจจัยชั่วคราว

อย่างไรก็ดี คาดว่าเฟดจะเริ่มหารือกันเกี่ยวกับการปรับลดวงเงิน QE ในการประชุมประจำปีของเฟดที่เมืองแจ็กสัน โฮล รัฐไวโอมิง ในวันที่ 26-28 ส.ค. และจะเริ่มดำเนินการปรับลด QE ในเดือนธ.ค.หรือต้นปีหน้า ก่อนที่จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายในปี 2566

การประชุมที่เมืองแจ็กสัน โฮลในปีนี้ จะเป็นการประชุมแบบพบหน้ากัน หลังจากที่เมื่อปีที่แล้ว เฟดต้องจัดการประชุมผ่านระบบวิดีโอคอนเฟอเรนซ์ครั้งแรกในรอบเกือบ 40 ปี เพื่อลดความเสี่ยงจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19

ที่ผ่านมา การประชุมที่เมืองแจ็กสัน โฮล ถือเป็นการประชุมที่ได้รับความสนใจอย่างมาก โดยมีผู้ว่าการธนาคารกลาง รัฐมนตรีคลัง นักวิชาการ และผู้เชี่ยวชาญด้านการเงิน จากประเทศต่างๆทั่วโลก เดินทางเข้าร่วมการประชุม ขณะที่ไฮไลท์จะอยู่ที่การกล่าวปาฐกถาของประธานเฟดในขณะนั้นเพื่อแสดงวิสัยทัศน์เกี่ยวกับนโยบายการเงินของเฟด และแนวโน้มเศรษฐกิจสหรัฐ

ทั้งนี้ นายพาวเวลได้กล่าวสุนทรพจน์ในการประชุมที่เมืองแจ็กสัน โฮลเมื่อปีที่แล้ว โดยได้ประกาศการปรับเปลี่ยนนโยบายการเงินครั้งสำคัญ ซึ่งเฟดจะเปลี่ยนแปลงแนวทางในการกำหนดเป้าหมายเงินเฟ้อ โดยจะเปิดทางให้เงินเฟ้อดีดตัวขึ้นมากกว่าเดิมเพื่อสนับสนุนตลาดแรงงาน และเศรษฐกิจสหรัฐ

สำหรับในการประชุมที่เมืองแจ็กสัน โฮลในปีนี้ คาดว่านายพาวเวลจะส่งสัญญาณการปรับลดวงเงิน QE ท่ามกลางการฟื้นตัวของเศรษฐกิจและตลาดแรงงานสหรัฐ หลังจากที่เจ้าหน้าที่เฟดหลายรายได้ออกมาส่งสัญญาณให้ตลาดการเงินเตรียมพร้อมรับการถอนมาตรการผ่อนคลายทางการเงินของเฟดก่อนหน้านี้

ที่ผ่านมา ประเทศในตลาดเกิดใหม่และกำลังพัฒนามักได้รับความเสี่ยงสูงสุดจากการที่เฟดใช้นโยบายคุมเข้มทางการเงิน และหากเฟดมีการเปลี่ยนแปลงนโยบายการเงินด้วยการปรับลด QE และปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย ก็จะส่งผลให้กระแสเงินทุนไหลกลับไปยังสหรัฐ และกระทบอย่างหนักต่อตลาดเกิดใหม่ดังที่เคยเกิดขึ้นในปี 2541 และ 2556

ส่วนการเปิดเผยตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐในวันนี้ กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า ตัวเลขการเริ่มต้นสร้างบ้านเพิ่มขึ้น 3.6% ในเดือนพ.ค. สู่ระดับ 1.572 ล้านยูนิต แต่ต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 1.630 ล้านยูนิต จากระดับ 1.517 ล้านยูนิตในเดือนเม.ย.

อย่างไรก็ดี ตัวเลขการเริ่มต้นสร้างบ้านยังคงได้รับผลกระทบจากการพุ่งขึ้นของราคาไม้ และวัสดุอื่นๆในการสร้างบ้าน

ส่วนการอนุญาตก่อสร้างบ้านลดลง 3.0% สู่ระดับ 1.681 ล้านยูนิตในเดือนพ.ค.

กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยในวันนี้ว่า ดัชนีราคานำเข้าดีดตัวขึ้นมากกว่าคาดในเดือนพ.ค. โดยพุ่งขึ้น 1.1% เมื่อเทียบรายเดือน และเป็นการปรับตัวขึ้นติดต่อกัน 7 เดือน หลังจากเพิ่มขึ้น 0.8% ในเดือนเม.ย.

นักวิเคราะห์คาดการณ์ก่อนหน้านี้ว่าดัชนีราคานำเข้าจะเพิ่มขึ้น 0.8% ในเดือนพ.ค.

ดัชนีราคานำเข้าได้รับแรงหนุนจากการดีดตัวขึ้นของราคาพลังงาน

นอกจากนี้ กระทรวงแรงงานสหรัฐยังเปิดเผยว่า ดัชนีราคาส่งออกพุ่งขึ้น 2.2% ในเดือนพ.ค. หลังจากเพิ่มขึ้น 1.1% ในเดือนเม.ย.

เมื่อเทียบรายปี ดัชนีราคาส่งออกพุ่งขึ้น 17.4% ในเดือนพ.ค. ซึ่งเป็นการปรับตัวขึ้นมากที่สุดนับตั้งแต่เริ่มมีการรวบรวมข้อมูลในเดือนก.ย.2526 หลังจากเพิ่มขึ้น 14.9% ในเดือนเม.ย.

ทางด้านเฟดสาขานิวยอร์ก เปิดเผยว่า ผลสำรวจผู้นำธุรกิจภาคบริการในนิวยอร์ก, นิวเจอร์ซีย์ และคอนเนกติกัต พบว่า ดัชนีธุรกิจภาคบริการปรับตัวขึ้น 4 จุด สู่ระดับ 43.2 ในเดือนมิ.ย.

การดีดตัวของดัชนีได้รับแรงหนุนจากการเพิ่มขึ้นของการจ้างงานและค่าจ้าง ขณะที่ความเชื่อมั่นพุ่งใกล้ระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ทำไว้ในเดือนพ.ค.

นอกจากนี้ ภาคธุรกิจมองว่าภาวะการดำเนินธุรกิจอยู่ในภาวะ "ปกติ" ซึ่งเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ที่การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 เริ่มขึ้นเมื่อต้นปีที่แล้ว


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ