ดัชนีดาวโจนส์พุ่งขึ้นอย่างต่อเนื่องในวันนี้ ล่าสุดทะยานกว่า 200 จุด ทะลุแนว 35,000 จุด ขณะที่ตลาดหุ้นวอลล์สตรีทปรับตัวขึ้นเป็นวันที่ 4 ติดต่อกัน
ณ เวลา 22.03 น.ตามเวลาไทย ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์อยู่ที่ 35,046.41 จุด บวก 223.06 จุด หรือ 0.64%
ดัชนีดาวโจนส์ปิดบวก 0.07% เมื่อคืนนี้ โดยได้ปัจจัยหนุนจากแรงซื้อหุ้นกลุ่มเทคโนโลยี และรายงานผลประกอบการที่ดีเกินคาดของบริษัทจดทะเบียน อย่างไรก็ดี ช่วงบวกของตลาดถูกจำกัดจากการเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจที่ซบเซา โดยเฉพาะตัวเลขผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานที่สูงเกินคาดในสัปดาห์ที่แล้ว
อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 10 ปีดีดตัวสู่ระดับ 1.3% ในวันนี้ ซึ่งช่วยคลายความกังวลเกี่ยวกับภาวะชะลอตัวของเศรษฐกิจ หลังจากอัตราผลตอบแทนพันธบัตรดิ่งลงแตะ 1.13% ในช่วงต้นสัปดาห์ ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดในรอบ 5 เดือน
การซื้อขายในวันนี้ยังคงได้แรงหนุนจากการเปิดเผยผลประกอบการที่สดใส โดยบริษัทราว 15% ในดัชนี S&P 500 ได้รายงานผลประกอบการในไตรมาส 2 แล้ว ซึ่ง 88% จากจำนวนดังกล่าวมีกำไรสูงกว่าที่คาดการณ์ไว้ ขณะที่ 84% มีรายได้สูงกว่าคาด
นักลงทุนจับตาการเปิดเผยผลประกอบการของบริษัทยักษ์ใหญ่ในกลุ่มเทคโนโลยีในสัปดาห์หน้า ซึ่งได้แก่ เฟซบุ๊ก แอปเปิล แอมะซอน อัลฟาเบท และไมโครซอฟท์ รวมทั้งการประชุมนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ในวันที่ 27-28 ก.ค.
นายเจอโรม พาวเวล ประธานเฟด กล่าวแถลงการณ์รอบครึ่งปีว่าด้วยนโยบายการเงินและภาวะเศรษฐกิจสหรัฐต่อสภาคองเกรสเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว โดยส่งสัญญาณว่า เฟดจะยังคงเดินหน้าซื้อพันธบัตรตามมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) และจะยังไม่เร่งปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย แม้อัตราเงินเฟ้อพุ่งขึ้นในขณะนี้