ตลาดหุ้นยุโรปปิดปรับตัวลงเมื่อคืนนี้ (26 ก.ค.) โดยลดลงจากระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ เนื่องจากนักลงทุนขายหุ้นเพื่อทำกำไรหลังตลาดปรับตัวขึ้น 4 วันติดต่อกัน โดยหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีได้รับผลกระทบจากการที่รัฐบาลจีนทำการควบคุมด้านกฎระเบียบที่เข้มงวด
ดัชนี Stoxx Europe 600 ปิดตลาดที่ระดับ 461.14 จุด ลดลง 0.37 จุด หรือ -0.08%
ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมนีปิดที่ 15,618.98 จุด ลดลง 50.31 จุด หรือ -0.32% และดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,025.43 จุด ลดลง 2.15 จุด หรือ -0.03% ขณะที่ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 6,578.60 จุด เพิ่มขึ้น 9.78 จุด หรือ +0.15%
ตลาดหุ้นยุโรปปรับตัวลงจากแรงขายทำกำไรหลังจากบวกติดต่อกัน 4 วัน ขณะที่ตลาดยังคงถูกกดดันจากจำนวนผู้ติดเชื้อโควิด-19 และเงินเฟ้อที่เพิ่มขึ้นทั่วโลกด้วย
หุ้นโปรซัส (Prosus NV) ซึ่งเป็นบริษัทลงทุนด้านเทคโนโลยีของเนเธอร์แลนด์ ร่วงลง 8.8% สู่ระดับต่ำสุดในรอบกว่า 1 ปี หลังจีนเพิ่มมาตรการควบคุมบริษัทเทนเซ็นต์ โฮลดิ้งส์ซึ่งเป็นบริษัทด้านอินเทอร์เน็ตยักษ์ใหญ่ โดยโปรซัสถือหุ้นในเทนเซ็นต์อยู่ 28.9%
หุ้นกลุ่มรถยนต์ปรับตัวลง โดยหุ้นปอร์เช่ ลดลง 1.9% หลังขึ้นเครื่องหมาย XD ขณะที่หุ้นโฟเรอเซีย ร่วงลง 5.7% แม้ปรับเพิ่มเป้าหมายกระแสเงินสดสุทธิปี 2564
ตลาดหุ้นเยอรมนีถูกกดดัน หลังสถาบัน Ifo เปิดเผยผลสำรวจบ่งชี้ว่า ความเชื่อมั่นทางธุรกิจลดลงเกินคาดในเดือนก.ค.ท่ามกลางความวิตกเกี่ยวกับห่วงโซ่อุปทาน
หุ้นมอร์โฟซิสซึ่งเป็นบริษัทด้านเทคโนโลยีชีวภาพของเยอรมนี ร่วงลง 8.7% หลังปรับลดคาดการณ์รายได้ปี 2564