ดัชนีดาวโจนส์พุ่งขึ้นกว่า 100 จุด ทำสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์เหนือระดับ 35,000 จุดในวันนี้ หลังสหรัฐเปิดเผยตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรพุ่งขึ้นเกินคาดในเดือนก.ค. ซึ่งช่วยให้นักลงทุนคลายความกังวลเกี่ยวกับการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจของสหรัฐ
ณ เวลา 20.50 น.ตามเวลาไทย ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์อยู่ที่ 35,220.25 จุด บวก 156.0 จุด หรือ 0.44%
หุ้นกลุ่มธนาคารพุ่งขึ้นนำหน้าตลาดในวันนี้ ขณะที่หุ้นกลุ่มค้าปลีก อุตสาหกรรม และพลังงาน ดีดตัวขึ้นเช่นกัน ขานรับตัวเลขจ้างงานที่สดใส ซึ่งช่วยคลายความกังวลเกี่ยวกับเศรษฐกิจสหรัฐ หลังจากที่ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19
ทั้งนี้ กระทรวงแรงงานสหรัฐรายงานว่า ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรพุ่งขึ้น 943,000 ตำแหน่งในเดือนก.ค. สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 845,000 ตำแหน่ง จากระดับ 938,000 ตำแหน่งในเดือนมิ.ย.
ส่วนอัตราการว่างงานปรับตัวลงสู่ระดับ 5.4% ในเดือนก.ค. ต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 5.7% หลังจากแตะระดับ 5.9% ในเดือนมิ.ย.
กระทรวงแรงงานสหรัฐยังได้ปรับตัวเลขการจ้างงานในเดือนพ.ค. โดยปรับเป็นเพิ่มขึ้น 614,000 ตำแหน่ง จากเดิมที่รายงานว่าเพิ่มขึ้น 583,000 ตำแหน่ง และปรับตัวเลขการจ้างงานในเดือนมิ.ย. โดยปรับเป็นเพิ่มขึ้น 938,000 ตำแหน่ง จากเดิมที่รายงานว่าเพิ่มขึ้น 850,000 ตำแหน่ง
กระทรวงแรงงานสหรัฐระบุว่าในเดือนก.ค. ภาคเอกชนมีการจ้างงานเพิ่มขึ้น 703,000 ตำแหน่ง ขณะที่ภาครัฐจ้างงานเพิ่มขึ้น 240,000 ตำแหน่ง
อย่างไรก็ดี ตัวเลขการจ้างงานที่แข็งแกร่งจะเป็นปัจจัยสนับสนุนให้ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) เริ่มปรับลดวงเงินในโครงการซื้อพันธบัตรตามมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) รวมทั้งปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย ซึ่งจะเป็นปัจจัยลบต่อตลาดหุ้นวอลล์สตรีท
นักลงทุนคาดว่าเฟดจะส่งสัญญาณที่ชัดเจนมากขึ้นเกี่ยวกับทิศทางอัตราดอกเบี้ย รวมทั้งแนวโน้มการปรับลดวงเงิน QE ในการประชุมประจำปีของเฟดที่เมืองแจ็กสัน โฮล รัฐไวโอมิง ในวันที่ 26-28 ส.ค.
นายริชาร์ด แคลริดา รองประธานเฟด ส่งสัญญาณในการกล่าวถ้อยแถลงก่อนหน้านี้ว่า เฟดจะปรับลดวงเงิน QE ภายในปีนี้ ก่อนที่จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในปี 2566
ทั้งนี้ นายแคลริดากล่าวว่า เศรษฐกิจสหรัฐมีแนวโน้มที่จะบรรลุเป้าหมายด้านการจ้างงานและเงินเฟ้อของเฟดภายในปลายปีหน้า ซึ่งจะทำให้เฟดปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในปี 2566
"ผมเชื่อว่าเศรษฐกิจจะบรรลุเงื่อนไขที่จำเป็นต่อการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของเฟดภายในปลายปีหน้า และการกลับมาใช้นโยบายการเงินแบบปกติในปี 2566 จะสอดคล้องกับกรอบเป้าหมายเงินเฟ้อเฉลี่ยแบบยืดหยุ่นของเฟด" นายแคลริดากล่าว"หากการคาดการณ์ของผมเป็นจริง ก็คาดว่าเฟดจะเริ่มประกาศปรับลดวงเงินในการซื้อพันธบัตรภายในปีนี้" เขากล่าวคำกล่าวของนายแคลริดาสอดคล้องกับถ้อยแถลงของนายคริสโตเฟอร์ วอลเลอร์ ซึ่งเป็นหนึ่งในผู้ว่าการของเฟด โดยนายวอลเลอร์ระบุว่า เฟดควรจะเริ่มปรับลดวงเงิน QE ภายในเดือนต.ค.