ดัชนีดาวโจนส์พุ่งขึ้นกว่า 200 จุด แตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ในวันนี้ หลังจากที่สหรัฐเปิดเผยตัวเลขเงินเฟ้อสอดคล้องกับตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์
ณ เวลา 20.46 น.ตามเวลาไทย ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์อยู่ที่ 35,472.52 จุด บวก 207.85 จุด หรือ 0.58%
ตัวเลขเงินเฟ้อของสหรัฐที่ส่งสัญญาณชะลอตัวในวันนี้ ช่วยคลายความกังวลของนักลงทุนเกี่ยวกับแนวโน้มที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย และปรับลดวงเงินในโครงการซื้อพันธบัตรตามมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE)
นอกจากนี้ การที่ราคาน้ำมันดิ่งลงกว่า 1% ในวันนี้ หลังสหรัฐเรียกร้องให้กลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) และชาติพันธมิตร หรือโอเปกพลัส ผลิตน้ำมันเพิ่มขึ้นเพื่อสกัดราคาที่กำลังพุ่งขึ้น ก็ได้ช่วยคลายกังวลเกี่ยวกับเงินเฟ้อในสหรัฐ
กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ซึ่งเป็นมาตรวัดเงินเฟ้อจากการใช้จ่ายของผู้บริโภค โดยระบุว่า ดัชนี CPI ปรับตัวขึ้น 0.5% ในเดือนก.ค. เมื่อเทียบรายเดือน สอดคล้องกับตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ หลังจากดีดตัวขึ้น 0.9% ในเดือนมิ.ย.
เมื่อเทียบรายปี ดัชนี CPI พุ่งขึ้น 5.4% ในเดือนก.ค. ใกล้เคียงกับที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 5.3% หลังจากทะยานขึ้น 5.4% เช่นกันในเดือนมิ.ย. ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนส.ค.2551
นอกจากนี้ หากไม่นับรวมหมวดอาหารและพลังงาน ดัชนี CPI พื้นฐานปรับตัวขึ้น 0.3% ในเดือนก.ค. เมื่อเทียบรายเดือน ต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 0.4% หลังจากเพิ่มขึ้น 0.9% ในเดือนมิ.ย.
เมื่อเทียบรายปี ดัชนี CPI พื้นฐานดีดตัวขึ้น 4.3% ในเดือนก.ค. หลังจากพุ่งขึ้น 4.5% ในเดือนมิ.ย.
นักลงทุนจับตาการประชุมประจำปีของเฟดที่เมืองแจ็กสัน โฮล รัฐไวโอมิง ในวันที่ 26-28 ส.ค. โดยคาดว่าเฟดจะส่งสัญญาณที่ชัดเจนมากขึ้นเกี่ยวกับทิศทางอัตราดอกเบี้ย รวมทั้งแนวโน้มการปรับลดวงเงิน QE ในการประชุมดังกล่าว