ตลาดหุ้นยุโรปปิดลบเมื่อคืนนี้ (31 ส.ค.) เนื่องจากนักลงทุนวิตกว่าภาวะเงินเฟ้อที่เพิ่มขึ้น อาจจะทำให้มีการเปลี่ยนแปลงนโยบายการเงินตามมา แต่ตลาดหุ้นยุโรปยังบวกขึ้นได้ 2.6% ในเดือนส.ค. โดยได้แรงหนุนจากการเปิดเผยผลประกอบการที่แข็งแกร่งของบริษัทจดทะเบียน และความเชื่อมั่นเกี่ยวกับการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ
ดัชนี Stoxx Europe 600 ปิดที่ 470.88 จุด ลดลง 1.80 จุด หรือ -0.38%
ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 6,680.18 จุด ลดลง 7.12 จุด หรือ -0.11%, ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมนีปิดที่ 15,835.09 จุด ลดลง 52.22 จุด หรือ -0.33% และดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,119.70 จุด ลดลง 28.31 จุด หรือ -0.40%
ตลาดหุ้นยุโรปปรับตัวลงในวันอังคาร แต่บวกขึ้นในเดือนส.ค.เป็นเดือนที่ 7 ติดต่อกัน ซึ่งเป็นการบวกต่อเนื่องนานที่สุดนับตั้งแต่ปี 2556
แต่ตลาดถูกกดดันหลังจากที่มีการเปิดเผยข้อมูลเงินเฟ้อของยูโรโซนพุ่งขึ้นสู่ระดับสูงสุดในรอบ 10 ปีในเดือนส.ค. ซึ่งทำให้นักลงทุนกังวลว่า ธนาคารกลางยุโรป (ECB) จะเริ่มปรับลดการซื้อพันธบัตร
รายงานระบุว่า ราคาผู้บริโภคของกลุ่มประเทศที่ใช้สกุลเงินยูโร 19 ประเทศ ปรับตัวขึ้นราว 3% ในเดือนส.ค. เมื่อเทียบเป็นรายปี หลังจากเพิ่มขึ้น 2.2% ในเดือนก.ค. ซึ่งอยู่เหนือระดับเป้าหมายของ ECB ที่ 2%
นอกจากนี้ ตลาดยังปรับตัวลงจากแรงขายหุ้นในช่วงสิ้นเดือน
หุ้นกลุ่มทรัพยากรพื้นฐานปรับตัวลงมากที่สุดในเดือนส.ค. โดยร่วงลง 4.2% ซึ่งเป็นผลจากความผันผวนอย่างหนักของราคาโลหะ ทำให้นักลงทุนถอนการลงทุนออกจากหุ้นกลุ่มนี้
หุ้นกลุ่มเดินทางและสันทนาการ ปรับตัวลง 0.7% หลังบรรดารัฐบาลใน EU ตกลงที่จะถอดสหรัฐออกจากรายชื่อประเทศที่ปลอดภัยในการเดินทางของสหภาพยุโรป