ดัชนีดาวโจนส์ฟิวเจอร์พุ่งขึ้นกว่า 100 จุดในวันนี้ บ่งชี้ว่าตลาดหุ้นวอลล์สตรีทจะฟื้นตัวขึ้นในคืนนี้ หลังดิ่งลงอย่างหนักวานนี้
ณ เวลา 19.10 น.ตามเวลาไทย ดัชนีดาวโจนส์ฟิวเจอร์บวก 164 จุด หรือ 0.48% สู่ระดับ 34,034 จุด
ดัชนีดาวโจนส์ร่วงลงกว่า 300 จุดเมื่อคืนนี้ ขณะที่นักลงทุนเทขายหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีซึ่งมีความอ่อนไหวต่ออัตราดอกเบี้ย หลังจากอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐพุ่งขึ้น นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับแรงกดดันจากความกังวลที่ว่า รัฐบาลสหรัฐอาจเผชิญกับการผิดนัดชำระหนี้
หุ้นกลุ่มเทคโนโลยีปรับตัวขึ้นในการซื้อขายก่อนเปิดตลาดวันนี้ โดยราคาหุ้นเฟซบุ๊กพุ่งขึ้น 1.5% หลังจากทรุดตัวลง 5% เมื่อวานนี้ ขณะที่การให้บริการของเฟซบุ๊ก, อินสตาแกรมและ WhatsApp ประสบปัญหาระบบล่มทั่วโลก
หุ้นกลุ่มที่ได้รับประโยชน์จากการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจต่างดีดตัวขึ้นในการซื้อขายก่อนเปิดตลาดวันนี้
ข้อมูลจาก "Stock Trader's Almanac" ระบุว่า ตลาดหุ้นวอลล์สตรีทมักฟื้นตัวขึ้นในเดือนต.ค. และปรับตัวขึ้นจนถึงสิ้นปี โดยเดือนต.ค.ถือเป็นจุดเริ่มต้นของช่วงขาขึ้นตามฤดูกาลของราคาหุ้น ขณะที่ดัชนี S&P 500 ดีดตัวขึ้นเฉลี่ย 0.8% ในเดือนต.ค. ก่อนที่จะพุ่งขึ้น 1.6% ในเดือนพ.ย. และ 1.5% ในเดือนธ.ค.
อย่างไรก็ดี สำหรับไตรมาส 4 ในปีนี้ ตลาดหุ้นวอลล์สตรีทเผชิญการปรับฐานจากปัจจัยหลายประการ ได้แก่ การที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) มีแนวโน้มปรับลดวงเงินในโครงการซื้อพันธบัตรตามมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) และปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเร็วกว่าที่คาดไว้, ความขัดแย้งในสภาคองเกรสเกี่ยวกับการเพิ่มเพดานหนี้สหรัฐ, การที่สภาคองเกรสอาจให้การอนุมัติการปรับขึ้นภาษีเงินได้นิติบุคคล รวมทั้งความกังวลเกี่ยวกับเงินเฟ้อ และความเสี่ยงจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์เดลตา
นักลงทุนจับตาตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรของสหรัฐในวันศุกร์นี้ ซึ่งจะเป็นปัจจัยหนึ่งที่เฟดใช้ในการพิจารณาการปรับลดวงเงิน QE และการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย
นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่า กระทรวงแรงงานสหรัฐจะรายงานตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรเพิ่มขึ้น 450,000 ตำแหน่งในเดือนก.ย. หลังจากเพิ่มขึ้นเพียง 235,000 ตำแหน่งในเดือนส.ค.