ดัชนีดาวโจนส์พุ่งขึ้นอย่างต่อเนื่อง ล่าสุดทะยานกว่า 600 จุดในวันนี้ ขณะที่นักลงทุนคาดว่าวิกฤตการณ์ในยูเครนใกล้สิ้นสุดลง หลังจากที่รัสเซียส่งสัญญาณพร้อมเจรจากับยูเครน
ณ เวลา 23.14 น.ตามเวลาไทย ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์อยู่ที่ 33,835.82 จุด บวก 611.99 จุด หรือ 1.84%
ดัชนีความผันผวน CBOE หรือ CBOE Volatility Index (VIX) ซึ่งเป็นมาตรวัดความวิตกของนักลงทุนในตลาดหุ้นวอลล์สตรีท ร่วงลง 9.07% สู่ระดับ 27.57 หลังจากพุ่งขึ้น 14% วานนี้
ราคาหุ้นปรับตัวขึ้นทุกกลุ่มในวันนี้
นายดมิทรี เพสคอฟ โฆษกทำเนียบเครมลิน กล่าวว่า รัสเซียพร้อมส่งตัวแทนไปยังกรุงมินสก์ ซึ่งเป็นเมืองหลวงของเบลารุส เพื่อเจรจากับทางการยูเครน
นายเพสคอฟกล่าวว่า ตัวแทนของรัสเซียจะรวมถึงเจ้าหน้าที่จากกระทรวงการต่างประเทศและกระทรวงกลาโหมของรัสเซีย
ก่อนหน้านี้ ยูเครนเคยระบุว่าพร้อมที่จะประกาศว่าเป็นประเทศที่เป็นกลาง อย่างไรก็ดี นายเพสคอฟกล่าวว่ายูเครนจะต้องปลดอาวุธและไม่มีกองทัพ โดยเป็นประเทศปลอดทหารเพื่อให้เข้าเกณฑ์ประเทศที่เป็นกลาง
ทางด้านประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ผู้นำรัสเซียได้สนทนาทางโทรศัพท์กับประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ผู้นำจีน ในวันนี้ โดยปธน.ปูตินกล่าวว่า รัสเซียพร้อมที่จะเจรจาในระดับสูงกับทางการยูเครน
ขณะเดียวกัน ตลาดจับตานายเจอโรม พาวเวล ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ซึ่งจะกล่าวแถลงการณ์รอบครึ่งปีว่าด้วยนโยบายการเงินและภาวะเศรษฐกิจสหรัฐต่อสภาคองเกรสในวันที่ 2-3 มี.ค. โดยอาจเป็นการแสดงความเห็นเกี่ยวกับนโยบายการเงินต่อสาธารณะเป็นครั้งสุดท้าย ก่อนที่เฟดจะเริ่มปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมวันที่ 15-16 มี.ค.
ทั้งนี้ นายพาวเวลจะกล่าวถ้อยแถลงต่อคณะกรรมาธิการบริการการเงินประจำสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐในวันที่ 2 มี.ค. และต่อคณะกรรมาธิการการธนาคารประจำวุฒิสภาในวันที่ 3 มี.ค. โดยการแถลงทั้งสองวันจะเริ่มขึ้นในเวลา 10.00 น.ตามเวลาสหรัฐ หรือ 22.00 น.ตามเวลาไทย
ส่วนการเปิดเผยตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐในวันนี้ กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า ยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนของสหรัฐ เช่น เครื่องบิน รถยนต์ และเครื่องจักรขนาดใหญ่ที่มีอายุการใช้งานตั้งแต่ 3 ปีขึ้นไป เพิ่มขึ้น 1.6% ในเดือนม.ค. หลังจากเพิ่มขึ้น 1.2% ในเดือนธ.ค.
ทั้งนี้ ยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนในเดือนม.ค.ได้รับแรงหนุนจากคำสั่งซื้อเครื่องบิน
ส่วนยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนพื้นฐาน ซึ่งเป็นคำสั่งซื้อสินค้าทุนที่ไม่รวมเครื่องบิน และสินค้าด้านอาวุธ โดยเป็นสิ่งบ่งชี้แผนการใช้จ่ายของภาคธุรกิจ พุ่งขึ้น 0.9% ในเดือนม.ค. หลังจากเพิ่มขึ้น 0.4% ในเดือนธ.ค.
กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า ดัชนีราคาการใช้จ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคล (PCE) พื้นฐาน ซึ่งไม่นับรวมหมวดอาหารและพลังงาน และเป็นมาตรวัดอัตราเงินเฟ้อที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ให้ความสำคัญ พุ่งขึ้น 5.2% ในเดือนม.ค. เมื่อเทียบรายปี ซึ่งเป็นการปรับตัวขึ้นมากที่สุดนับตั้งแต่เดือนเม.ย.2526 และสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 5.1%
เมื่อเทียบรายเดือน ดัชนี PCE พื้นฐานปรับตัวขึ้น 0.5% ในเดือนม.ค.
ส่วนดัชนี PCE ทั่วไป ซึ่งรวมหมวดอาหารและพลังงาน พุ่งขึ้น 6.1% ในเดือนม.ค. เมื่อเทียบรายปี ซึ่งเป็นการปรับตัวขึ้นมากที่สุดนับตั้งแต่เดือนก.พ.2525
เมื่อเทียบรายเดือน ดัชนี PCE ทั่วไป ปรับตัวขึ้น 0.6% ในเดือนม.ค.
ทั้งนี้ ดัชนี PCE ถือเป็นมาตรวัดเงินเฟ้อที่สามารถตรวจจับการเปลี่ยนแปลงในพฤติกรรมของผู้บริโภค และครอบคลุมราคาสินค้าและบริการในวงกว้างมากกว่าข้อมูลดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) จากกระทรวงแรงงานสหรัฐ