ตลาดหุ้นเอเชียปิดภาคเช้าร่วงลง เนื่องจากความกังวลเกี่ยวกับภาวะเงินเฟ้อได้บดบังปัจจัยบวกจากรายงานที่ว่า ประธานาธิบดีโจ ไบเดน แห่งสหรัฐกำลังพิจารณาเรื่องการปรับลดภาษีสินค้านำเข้าจากจีน
ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่นปิดภาคเช้าที่ระดับ 26,863.33 จุด ลดลง 138.19 จุด หรือ -0.51%, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกงปิดภาคเช้าที่ 20,187.37 จุด ลดลง 282.69 จุด หรือ -1.38% และดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีนปิดภาคเช้าที่ 3,112.37 จุด ลดลง 34.49 จุด หรือ -1.10%
นักลงทุนยังคงกังวลผลกระทบของสงครามในยูเครนที่ทำให้ราคาสินค้าโภคภัณฑ์ปรับตัวสูงขึ้น และอาจส่งผลต่อการเติบโตของเศรษฐกิจโลกที่ได้รับผลกระทบอยู่ก่อนแล้วจากมาตรการล็อกดาวน์สกัดโควิด-19 ในจีน
ความกังวลดังกล่าวได้บดบังปัจจัยบวกจากการที่ประธานาธิบดีโจ ไบเดน ผู้นำสหรัฐ ส่งสัญญาณยุติการทำสงครามการค้ากับจีนโดยกล่าวว่า เขากำลังพิจารณาที่จะปรับลดภาษีสินค้านำเข้าจากจีน โดยจะหารือเรื่องดังกล่าวกับนางเจเน็ต เยลเลน รัฐมนตรีคลังสหรัฐ หลังจากเสร็จสิ้นภารกิจการเดินทางเยือนญี่ปุ่น และกลับสู่สหรัฐ
ทั้งนี้ คำสั่งของอดีตประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ในการเก็บภาษีสินค้านำเข้าจากจีนวงเงิน 3.50 แสนล้านดอลลาร์จะหมดอายุลงโดยอัตโนมัติในวันที่ 6 ก.ค. ขณะที่มีการคาดการณ์กันว่ารัฐบาลของปธน.ไบเดนจะไม่ขยายระยะเวลาการบังคับใช้คำสั่งดังกล่าว ท่ามกลางเงินเฟ้อที่พุ่งสูงเป็นประวัติการณ์ในสหรัฐ
สำหรับข้อมูลเศรษฐกิจในภูมิภาคที่เปิดเผยเมื่อชาวงเช้าที่ผ่านมา ธนาคารออสเตรเลีย แอนด์ นิวซีแลนด์ แบงกิง กรุ๊ป (ANZ) ระบุว่า ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคของออสเตรเลียปรับตัวขึ้น 1.7% ในสัปดาห์ที่แล้ว ซึ่งเป็นการเพิ่มขึ้นครั้งแรกในรอบกว่า 1 เดือน โดยได้แรงหนุนจากอัตราว่างงานออสเตรเลียที่ร่วงลงแตะระดับต่ำสุดในรอบเกือบ 50 ปี