ตลาดหุ้นเอเชียปิดเช้าลบ หวั่นเฟดขึ้นดอกเบี้ยแรงสกัดเงินเฟ้อ

ตลาดหุ้นเอเชียปิดภาคเช้าในแดนลบตามทิศทางตลาดหุ้นนิวยอร์ก เนื่องจากนักลงทุนกังวลว่า เศรษฐกิจสหรัฐจะเข้าสู่ภาวะถดถอยหากธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) เร่งปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเพื่อสกัดเงินเฟ้อ รวมถึงยังกังวลหลังจีนพบผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นในกรุงปักกิ่งและเซี่ยงไฮ้ ซึ่งนำไปสู่การใช้มาตรการควบคุมโรคที่เข้มงวดในบางพื้นที่

ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่นปิดภาคเช้าที่ระดับ 26,446.82 จุด ลดลง 540.62 จุด หรือ -2.00%, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกงปิดภาคเช้าที่ 20,876.31 จุด ลดลง 191.27 จุด หรือ -0.91% และดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีนปิดภาคเช้าที่ 3,203.62 จุด ลดลง 51.93 จุด หรือ -1.60%

นักลงทุนกังวลถึงผลกระทบที่เฟดเร่งปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยและเทขายหุ้นออกมาอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้ดัชนีดาวโจนส์ปิดร่วงลงติดต่อกันเป็นวันที่ 4 ขณะที่ดัชนี S&P500 เข้าสู่ภาวะตลาดหมี (Bear Market) แล้วในวันจันทร์ เนื่องจากดัชนีได้ทรุดตัวลงกว่า 20% จากระดับปิดสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ทำไว้เมื่อวันที่ 3 ม.ค.ปีนี้ และฉุดบรรยากาศการซื้อขายในตลาดหุ้นเอเชีย

นักวิเคราะห์จากหลายสำนักซึ่งรวมถึงบาร์เคลย์ส และแคปิตอล อิโคโนมิกส์ ต่างก็คาดการณ์ว่า เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.75% ในการประชุมวันที่ 14-15 มิ.ย.นี้ หลังสหรัฐเปิดเผยดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ซึ่งเป็นมาตรวัดเงินเฟ้อจากการใช้จ่ายของผู้บริโภค พุ่งขึ้น 8.6% ในเดือนพ.ค. เมื่อเทียบรายปี ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบกว่า 40 ปี และสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 8.3%

นอกจากนี้ การระบาดของโควิด-19 ในจีนยังกดดันการซื้อขายในภูมิภาค โดยเมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา ทางการเซี่ยงไฮ้ได้สั่งให้ประชาชน 15 จาก 16 เขตเข้ารับการตรวจหาเชื้อโควิด-19 และสั่งให้ประชาชนใน 5 เขตห้ามเดินทางออกนอกบ้าน

ขณะเดียวกัน ทางการยังได้สั่งปิดทางหลวง ซึ่งส่งผลกระทบอย่างหนักต่อการขนส่งสินค้าทางรถบรรทุกไปยังท่าเรือเซี่ยงไฮ้ ทำให้ผู้ส่งออกสินค้าต้องหันไปใช้ท่าเรือแห่งอื่น