ดาวโจนส์ฟิวเจอร์ดิ่งกว่า 300 จุด ส่งสัญญาณหุ้นวอลล์สตรีทตกหนักมากคืนนี้

ข่าวหุ้น-การเงิน Thursday June 30, 2022 18:56 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ดัชนีดาวโจนส์ฟิวเจอร์ร่วงลงกว่า 300 จุดในวันนี้ บ่งชี้ว่าตลาดหุ้นวอลล์สตรีทจะทรุดตัวลงในคืนนี้ ท่ามกลางความกังวลเกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจถดถอย

ณ เวลา 17.44 น.ตามเวลาไทย ดัชนีดาวโจนส์ฟิวเจอร์ลบ 360 จุด หรือ 1.16% สู่ระดับ 30,639 จุด

วันนี้เป็นวันสุดท้ายสำหรับการซื้อขายหุ้นในเดือนมิ.ย. รวมทั้งเป็นวันสุดท้ายสำหรับไตรมาส 2 และครึ่งแรกของปี 2565

ทั้งนี้ ดัชนีดาวโจนส์, S&P 500 และ Nasdaq มีแนวโน้มปรับตัวลงในเดือนมิ.ย. ขณะที่ดัชนีดาวโจนส์ และ S&P 500 มีแนวโน้มทำสถิติปรับตัวย่ำแย่ที่สุดเทียบรายไตรมาสนับตั้งแต่ไตรมาสแรกของปี 2563 ซึ่งเป็นช่วงเริ่มต้นการแพร่ระบาดของโควิด-19 ส่วนดัชนี Nasdaq มีแนวโน้มทำสถิติทรุดตัวลงมากที่สุดเทียบรายไตรมาสนับตั้งแต่ปี 2551

นอกจากนี้ ดัชนี S&P 500 ดิ่งลง 20% นับตั้งแต่ต้นปี และมีแนวโน้มทำสถิติทรุดตัวลงมากที่สุดเทียบรายครึ่งปีนับตั้งแต่ปี 2513

นักลงทุนกังวลเกี่ยวกับการเกิดภาวะเศรษฐกิจถดถอย หลังจากที่กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า ตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ประจำไตรมาส 1/65 หดตัว 1.6% ซึ่งหากเศรษฐกิจสหรัฐหดตัวต่อไปในไตรมาส 2/65 ก็จะทำให้สหรัฐเข้าสู่ภาวะถดถอย เนื่องจากเศรษฐกิจหดตัว 2 ไตรมาสติดต่อกัน

นอกจากนี้ ตลาดยังวิตกว่าการที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) เร่งปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยจะฉุดให้เศรษฐกิจถดถอย หลังจากที่นายเจอโรม พาวเวล ประธานเฟด ยืนยันวานนี้ว่า เฟดจะเดินหน้าขึ้นอัตราดอกเบี้ยเพื่อสกัดเงินเฟ้อ แม้จะทำให้เศรษฐกิจสหรัฐชะลอตัวลงก็ตาม

นายแอนดรูว์ บอลส์ หัวหน้าเจ้าหน้าที่ฝ่ายการลงทุนระดับโลกของบริษัทแปซิฟิก อินเวสเมนท์ แมเนจเมนท์ โค หรือพิมโค ซึ่งเป็นหนึ่งในกองทุนที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลก ระบุเตือนว่า สหรัฐอาจเผชิญภาวะเศรษฐกิจถดถอยในช่วง 12 เดือนข้างหน้า

"การเกิดภาวะเศรษฐกิจถดถอยในสหรัฐในช่วง 12 เดือนข้างหน้า เป็นสิ่งที่มีโอกาสเกิดขึ้นมากกว่าที่จะไม่เกิดขึ้น โดยมีโอกาสเกิดขึ้น 50% หรือมากกว่า ซึ่งคุณจะเห็นเศรษฐกิจชะลอตัวลงอย่างมาก ขณะที่ยุโรปมีแนวโน้มเกิดภาวะเศรษฐกิจถดถอยเช่นกัน และอาจมีโอกาสสูงกว่าสหรัฐ" นายบอลส์กล่าว

นายบอลส์ยังระบุว่า ธนาคารกลางต่างๆพยายามมุ่งเน้นในการรักษาความน่าเชื่อถือในการสกัดเงินเฟ้อ โดยธนาคารกลางยุโรป (ECB) จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยสู่ระดับ 0.75-1.00% "ซึ่งถือว่ามาก เนื่องจากเริ่มจากอัตราดอกเบี้ยติดลบ"

นักลงทุนจับตาการเปิดเผยดัชนีราคาการใช้จ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคล (PCE) ในวันนี้ ซึ่งเป็นมาตรวัดอัตราเงินเฟ้อที่เฟดให้ความสำคัญ และอาจบ่งชี้ทิศทางอัตราดอกเบี้ยของเฟด


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ