ดัชนีดาวโจนส์ดิ่งลงกว่า 200 จุดในวันนี้ ซึ่งเป็นการซื้อขายวันสุดท้ายของเดือนก.ย. และเป็นวันสุดท้ายของไตรมาส 3 หลังสหรัฐเปิดเผยตัวเลขเงินเฟ้อสูงกว่าคาด ซึ่งจะเป็นปัจจัยหนุนการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด)
ณ เวลา 00.44 น.ตามเวลาไทย ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์อยู่ที่ 29,009.81 จุด ลบ 215.80 จุด หรือ 0.74%
กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า ดัชนีราคาการใช้จ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคล (PCE) พื้นฐาน ซึ่งไม่นับรวมหมวดอาหารและพลังงาน และเป็นมาตรวัดอัตราเงินเฟ้อที่เฟดให้ความสำคัญ เพิ่มขึ้น 4.9% ในเดือนส.ค. เมื่อเทียบรายปี และสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 4.7% จากระดับ 4.7% ในเดือนก.ค.
เมื่อเทียบรายเดือน ดัชนี PCE พื้นฐานเพิ่มขึ้น 0.6% ในเดือนส.ค. และสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 0.5% หลังจากทรงตัวในเดือนก.ค.
ส่วนดัชนี PCE ทั่วไป ซึ่งรวมหมวดอาหารและพลังงาน เพิ่มขึ้น 6.2% ในเดือนส.ค. เมื่อเทียบรายปี จากระดับ 6.4% ในเดือนก.ค.
เมื่อเทียบรายเดือน ดัชนี PCE ทั่วไป เพิ่มขึ้น 0.3% ในเดือนส.ค. หลังจากลดลง 0.1% ในเดือนก.ค.
ดัชนี PCE ถือเป็นมาตรวัดเงินเฟ้อที่สามารถตรวจจับการเปลี่ยนแปลงในพฤติกรรมของผู้บริโภค และครอบคลุมราคาสินค้าและบริการในวงกว้างมากกว่าข้อมูลดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) จากกระทรวงแรงงานสหรัฐ
ทั้งนี้ ดัชนีดาวโจนส์และ S&P 500 ดิ่งลงมากกว่า 7% จากต้นเดือนก.ย. ส่งผลให้ดัชนีดาวโจนส์ปรับตัวย่ำแย่ที่สุดในเดือนนี้นับตั้งแต่เดือนมี.ค.2563 ขณะที่ดัชนี S&P 500 ทรุดตัวหนักสุดนับตั้งแต่เดือนมิ.ย. ส่วนดัชนี Nasdaq ดิ่งลง 9.1% ในเดือนนี้ ทำสถิติร่วงลงมากที่สุดนับตั้งแต่เดือนเม.ย.
นอกจากนี้ เมื่อเทียบรายไตรมาส พบว่า ดัชนีดาวโจนส์มีแนวโน้มทำสถิติปรับตัวลงติดต่อกัน 3 ไตรมาสเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ปี 2558 ส่วนดัชนี S&P 500 และ Nasdaq มีแนวโน้มทำสถิติปรับตัวลงติดต่อกัน 3 ไตรมาสเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ปี 2552
สถาบันวิจัย CFRA ระบุว่า สถิติบ่งชี้ว่า เดือนก.ย.เป็นเดือนที่ตลาดหุ้นวอลล์สตรีทปรับตัวย่ำแย่ที่สุดของปี
นอกจากนี้ CFRA ชี้ว่า ปีนี้ซึ่งเป็นปีที่มีการเลือกตั้งกลางเทอมในสหรัฐ จะทำให้ตลาดหุ้นวอลล์สตรีทยิ่งมีแนวโน้มดิ่งลงในเดือนก.ย. เนื่องจากนักลงทุนมักทำการเทขายหุ้นอย่างหนักในเดือนก.ย.และต.ค.ในปีเลือกตั้ง ก่อนที่จะกลับเข้าซื้อหุ้นในไตรมาส 4