ดัชนีดาวโจนส์เปิดตลาดร่วงลงกว่า 100 จุด ท่ามกลางความกังวลเกี่ยวกับเศรษฐกิจสหรัฐ หลังการเปิดเผยตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรที่ต่ำกว่าคาด
เวลา 21.31 น.ตามเวลาไทย ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์อยู่ที่ 42,444.18 จุด ลบ 134.90 จุด หรือ 0.32%
กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่า ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรเพิ่มขึ้นเพียง 151,000 ตำแหน่งในเดือนก.พ. ต่ำกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ที่ระดับ 159,000 ตำแหน่ง หลังจากเพิ่มขึ้น 125,000 ตำแหน่งในเดือนม.ค.
ส่วนอัตราการว่างงานปรับตัวขึ้นสู่ระดับ 4.1% สูงกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ที่ระดับ 4.0%
รายงานการจ้างงานที่ต่ำกว่าคาดดังกล่าวมีขึ้น ท่ามกลางความพยายามของกระทรวงประสิทธิภาพของรัฐบาล (DOGE) ของนายอีลอน มัสก์ ในการปลดพนักงานของรัฐ และลดค่าใช้จ่ายของรัฐบาล
อย่างไรก็ดี ล่าสุด ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐ เปิดเผยว่า เขาได้แจ้งต่อคณะรัฐมนตรีในการประชุมวานนี้ (6 มี.ค.) ว่า การปลดพนักงานในกระทรวงต่าง ๆ จะขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของรัฐมนตรีที่ควบคุมกระทรวงนั้น ๆ ไม่ใช่อยู่ที่การตัดสินใจของนายอีลอน มัสก์ หรือกระทรวงประสิทธิภาพของรัฐบาล (DOGE)
นอกจากนี้ ปธน.ทรัมป์ระบุว่า เขาได้กำชับให้บรรดาคณะรัฐมนตรีให้ความร่วมมือกับ DOGE เกี่ยวกับการปรับลดค่าใช้จ่ายและจำนวนพนักงาน แต่ย้ำว่าการตัดสินใจในขั้นสุดท้ายเกี่ยวกับการปลดพนักงานจะขึ้นอยู่กับรัฐมนตรีซึ่งเป็นเจ้ากระทรวง
"เป็นเรื่องสำคัญมากที่เราจะลดจำนวนพนักงานถึงระดับที่ควรจะเป็น แต่ก็เป็นเรื่องสำคัญเช่นกันที่เราจะต้องรักษาพนักงานที่ดีที่สุดและมีผลิตภาพมากที่สุด"
"รัฐมนตรีจะเป็นผู้ที่รู้และเข้าใจเกี่ยวกับพนักงานที่ทำงานในกระทรวง โดยเขาจะรู้ว่าใครควรจะอยู่ และใครควรจะไป เราพูดมาก่อนหน้านี้ว่า เราจะใช้ 'มีดผ่าตัด' ไม่ใช่ใช้ 'ขวาน'" ปธน.ทรัมป์ระบุใน Truth Social
ท่าทีของปธน.ทรัมป์ดังกล่าวถือเป็นการลดทอนอำนาจของนายมัสก์เป็นครั้งแรก หลังจากที่หลายฝ่ายซึ่งรวมถึงสมาชิกสภาคองเกรสสังกัดพรรครีพับลิกันแสดงความไม่พอใจต่อการที่นายมัสก์และ DOGE ใช้คำสั่งปลดพนักงานของรัฐจำนวนมาก จนนำไปสู่การฟ้องร้องในศาล
ทั้งนี้ DOGE ไม่มีสถานะเป็นกระทรวงแต่อย่างใด เนื่องจากไม่ได้รับอำนาจอย่างเป็นทางการจากสภาคองเกรสใหัมีสถานะดังกล่าว โดย DOGE เป็นองค์กรชั่วคราวซึ่งมีอายุเพียง 18 เดือน และจะหมดวาระในวันที่ 4 ก.ค.2569
นอกจากนี้ นักลงทุนจับตาการกล่าวสุนทรพจน์ของนายเจอโรม พาวเวล ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ที่มหาวิทยาลัยชิคาโกในวันนี้ในการประชุมว่าด้วยนโยบายการเงินสหรัฐ
การประชุมดังกล่าวมีกำหนดจัดขึ้นในวันนี้ (7 มี.ค.) เวลา 12.30 น.ตามเวลาสหรัฐ หรือตรงกับวันพรุ่งนี้ (8 มี.ค.) เวลา 00.30 น.ตามเวลาไทย
นักลงทุนจับตาถ้อยแถลงของนายพาวเวล เพื่อหาสัญญาณบ่งชี้ทิศทางอัตราดอกเบี้ยของเฟดในปีนี้ รวมทั้งแนวโน้มเศรษฐกิจสหรัฐ
นอกจากนี้ การกล่าวสุนทรพจน์ของนายพาวเวลในวันนี้ มีขึ้นก่อนที่เฟดจะเริ่มเข้าสู่ช่วงงดเว้นการแสดงความเห็นเกี่ยวกับนโยบายการเงิน (Blackout Period) ในวันพรุ่งนี้ ขณะที่เฟดจะจัดการประชุมกำหนดนโยบายการเงิน (FOMC) ในวันที่ 18-19 มี.ค. ซึ่งเป็นการประชุมครั้งที่ 2 ของเฟดในปีนี้
กฎระเบียบของเฟดระบุห้ามเจ้าหน้าที่เฟดแสดงความเห็นหรือให้สัมภาษณ์ในช่วง Blackout Period เกี่ยวกับนโยบายการเงิน โดยเริ่มตั้งแต่วันเสาร์ที่สองก่อนที่การประชุม FOMC จะเริ่มขึ้น และสิ้นสุดในวันพฤหัสบดีหลังการประชุม FOMC เพื่อป้องกันไม่ให้สาธารณชนตีความว่าเป็นการบ่งชี้การดำเนินการด้านอัตราดอกเบี้ยของเฟดในการประชุมนโยบายการเงินที่จะมาถึง
นักลงทุนคาดการณ์ว่าเฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ย 3 ครั้งในปีนี้ โดยจะเกิดขึ้นในเดือนมิ.ย.,ก.ค.และต.ค. หลังสหรัฐเปิดเผยตัวเลขเศรษฐกิจที่อ่อนแอ ขณะที่เฟดสาขาแอตแลนตา เปิดเผยแบบจำลองคาดการณ์ GDPNow ล่าสุดบ่งชี้ว่า เศรษฐกิจสหรัฐหดตัว 2.4% ในไตรมาส 1/2568
ล่าสุด FedWatch Tool ของ CME Group บ่งชี้ว่า นักลงทุนให้น้ำหนัก 91.0% ที่เฟดจะคงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับ 4.25-4.50% ในการประชุมวันที่ 18-19 มี.ค.
นอกจากนี้ นักลงทุนคาดว่าเฟดจะคงอัตราดอกเบี้ยในการประชุมเดือนพ.ค. ก่อนที่จะปรับลดอัตราดอกเบี้ย 0.25% สู่ระดับ 4.00-4.25% ในการประชุมเดือนมิ.ย. และปรับลดอัตราดอกเบี้ย 0.25% สู่ระดับ 3.75-4.00% ในการประชุมเดือนก.ค. ก่อนที่จะคงอัตราดอกเบี้ยในการประชุมเดือนก.ย. และปรับลดอัตราดอกเบี้ย 0.25% สู่ระดับ 3.50-3.75% ในการประชุมเดือนต.ค. และคงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับดังกล่าวจนสิ้นปี 2568