เจพีมอร์แกน (JPMorgan) ปรับเพิ่มน้ำหนักการลงทุนในหุ้นบริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) [AOT] จาก "ลดน้ำหนักการลงทุน" (Underweight) เป็น "คงน้ำหนักการลงทุน" (Neutral) พร้อมปรับเพิ่มราคาเป้าหมายจาก 33 บาท เป็น 49 บาทต่อหุ้น หลังจากได้ความชัดเจนในการปรับค่าบริการผู้โดยสารขาออก และการแก้ไขสัญญาร้านค้าปลอดภาษีในสนามบินของ AOT
เจพีมอร์แกนประเมินว่า กำไรต่อหุ้น (EPS) สำหรับปีงบประมาณ 2570-2571 น่าจะเพิ่มขึ้นประมาณ 50-55% ซึ่งเป็นปัจจัยที่ผลักดันให้มีการปรับเพิ่มราคาเป้าหมายสูงขึ้นถึง 48% มาอยู่ที่ 49 บาทต่อหุ้น
ก่อนหน้านี้ เจพีมอร์แกนให้น้ำหนักการลงทุนหุ้น AOT ไว้ที่ Underweight เพราะมีความกังวลเกี่ยวกับการอนุมัติขึ้นค่าธรรมเนียมผู้โดยสารที่อาจเป็นไปได้ยาก และโอกาสที่การเจรจาสัมปทานจะยืดเยื้อ ซึ่งปัจจุบันความเสี่ยงเหล่านี้ได้คลี่คลายไปในทิศทางที่ดีกว่าที่คาด จนเป็นเหตุให้ปรับเพิ่มน้ำหนักในครั้งนี้
ความเคลื่อนไหวดังกล่าวมีขึ้น หลังคณะกรรมการการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย (กบร.) โดยมีนายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รองนายกรัฐมนตรีและรมว.คมนาคม เป็นประธาน กบร. มีมติปรับขึ้นค่าบริการผู้โดยสารขาออกระหว่างประเทศ (Passenger Service Charge หรือ PSC) เป็น 1,120 บาท/คน จากปัจจุบันเก็บที่ 730 บาท/คน สำหรับท่าอากาศยานภายใต้การบริหาร บมจ.ท่าอากาศยานไทย [AOT] หรือ ทอท.6 แห่ง ได้แก่ สุวรรณภูมิ ดอนเมือง ภูเก็ต เชียงใหม่ แม่ฟ้าหลวงเชียงราย และหาดใหญ่
AOT คาดว่าจะมีจำนวนผู้โดยสารขาออกระหว่างประเทศ ประมาณ 35 ล้านคน/ปี คาดว่าจะทำให้รายได้เพิ่มขึ้นอีก 10,000 ล้านบาท ทั้งนี้คาดว่าน่าจะมีผลในอีก 4 เดือนหลังรมว.คมนาคมลงนาม
ขณะเดียวกัน บมจ.ท่าอากาศยานไทย หรือ ทอท.เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการ ทอท. มีมติเห็นชอบผลการเจรจากับบริษัท คิง เพาเวอร์ ดิวตี้ฟรี จำกัด (KPD) เพื่อหาข้อตกลงแก้ไขปัญหาร้านค้าปลอดอากรในสนามบิน และอนุมัติให้ ทอท.แก้ไขสัญญาตามผลการเจรจาของคณะทำงานเจรจาฯ ต่อไป
ทั้งนี้ ความชัดเจนเรื่องสัญญาร้านค้าปลอดภาษีและการปรับค่า PSC ทำให้ผลประกอบการในอนาคตจะกลับมาเติบโตได้อีกครั้ง