ภาวะตลาดเงินนิวยอร์ก: ดอลลาร์แข็งค่า ตลาดขานรับเจรจาการค้าคืบหน้า

ข่าวต่างประเทศ Wednesday April 30, 2025 07:04 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

สกุลเงินดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก ๆ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กในวันอังคาร (29 เม.ย.) หลังจากมีรายงานว่าประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐฯ จะผ่อนปรนมาตรการภาษีศุลกากรเพื่อลดผลกระทบจากการเก็บภาษีนำเข้ารถยนต์ ซึ่งข่าวดังกล่าวทำให้นักลงทุนมีความหวังว่าสถานการณ์ตึงเครียดด้านการค้าจะคลี่คลายลง

ทั้งนี้ ดัชนีดอลลาร์ ซึ่งเป็นดัชนีวัดความเคลื่อนไหวของดอลลาร์เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก 6 สกุลในตะกร้าเงิน เพิ่มขึ้น 0.23% แตะที่ระดับ 99.237

ดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าเมื่อเทียบกับเงินเยน ที่ระดับ 142.29 เยน จากระดับ 142.12 เยนในวันจันทร์ (28 เม.ย.), แข็งค่าเมื่อเทียบกับฟรังก์สวิส ที่ระดับ 0.8242 ฟรังก์ จากระดับ 0.8208 ฟรังก์ และแข็งค่าเมื่อเทียบกับดอลลาร์แคนาดา ที่ระดับ 1.3846 ดอลลาร์แคนาดา จากระดับ 1.3844 ดอลลาร์แคนาดา

ยูโรอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ ที่ระดับ 1.1382 ดอลลาร์ จากระดับ 1.1413 ดอลลาร์ในวันจันทร์ ส่วนเงินปอนด์อ่อนค่าเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ ที่ระดับ 1.3402 ดอลลาร์ จากระดับ 1.3426 ดอลลาร์

นักลงทุนคลายความวิตกกังวลหลังจากสก็อตต์ เบสเซนต์ รัฐมนตรีคลังสหรัฐฯ เปิดเผยว่า สหรัฐฯ มีความคืบหน้าในการเจรจาการค้ากับประเทศต่าง ๆ ซึ่งรวมถึงญี่ปุ่นและอินเดีย พร้อมกับกล่าวว่าการที่จีนการยกเว้นการเรียกเก็บภาษีสินค้านำเข้าบางรายการของสหรัฐฯ นั้น สะท้อนให้เห็นว่าจีนเต็มใจที่จะทำให้ความตึงเครียดด้านการค้าคลี่คลายลง อย่างไรก็ดี เบสเซนต์ไม่ได้ยืนยันว่าสหรัฐฯ มีการเจรจาการค้ากับจีน

นอกจากนี้ มีรายงานว่ารัฐบาลของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์จะดำเนินการเพื่อลดผลกระทบจากมาตรการเก็บภาษีนำเข้ารถยนต์ โดยจะผ่อนปรนการเก็บภาษีบางส่วนสำหรับชิ้นส่วนรถยนต์ต่างประเทศที่ใช้ในการผลิตรถยนต์ภายในสหรัฐฯ และจะป้องกันไม่ให้มีการเรียกเก็บภาษีซ้ำซ้อนกับภาษีอื่น ๆ สำหรับรถยนต์ที่ผลิตในต่างประเทศ

สำหรับข้อมูลเศรษฐกิจที่มีการรายงานเมื่อคืนนี้ สำนักงานสถิติของกระทรวงแรงงานสหรัฐฯ เปิดเผยผลสำรวจการเปิดรับสมัครงานและอัตราการหมุนเวียนของแรงงาน (JOLTS) พบว่า ตัวเลขการเปิดรับสมัครงาน ซึ่งเป็นมาตรวัดอุปสงค์ในตลาดแรงงาน ลดลงสู่ระดับ 7.19 ล้านตำแหน่งในเดือนมี.ค. ต่ำกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ที่ระดับ 7.50 ล้านตำแหน่ง จากระดับ 7.48 ล้านตำแหน่งในเดือนก.พ.

ทั้งนี้ ตัวเลข JOLTS นับเป็นข้อมูลที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ให้ความสนใจ โดยมองว่าเป็นมาตรวัดภาวะตึงตัวในตลาดแรงงาน ซึ่งเป็นปัจจัยในการพิจารณานโยบายการเงิน และอัตราดอกเบี้ยของเฟด

นักลงทุนจับตาการเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐฯ ในสัปดาห์นี้ โดยในวันนี้จะมีการเปิดเผยตัวเลขจ้างงานภาคเอกชนจาก ADP เดือนเม.ย., ผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (GDP) ไตรมาส 1/2568 และดัชนีราคาการใช้จ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคล (PCE) เดือนมี.ค.

ส่วนในวันศุกร์นี้ สหรัฐฯ จะเปิดเผยตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรประจำเดือนเม.ย. ขณะที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่า ตัวเลขจ้างงานจะเพิ่มขึ้นเพียง 129,000 ตำแหน่งในเดือนเม.ย. หลังจากเพิ่มขึ้น 228,000 ตำแหน่งในเดือนมี.ค. และคาดว่าอัตราว่างงานจะทรงตัวที่ระดับ 4.2% ในเดือนเม.ย.


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ