สกุลเงินดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก ๆ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กในวันพฤหัสบดี (8 พ.ค.) ขานรับข่าวการบรรลุข้อตกลงการค้าระหว่างสหรัฐอเมริกาและสหราชอาณาจักร ขณะที่เงินปอนด์อ่อนค่าลง หลังจากธนาคารกลางอังกฤษ (BoE) ประกาศลดอัตราดอกเบี้ยนโยบาย 0.25%
ทั้งนี้ ดัชนีดอลลาร์ ซึ่งเป็นดัชนีวัดความเคลื่อนไหวของดอลลาร์เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก 6 สกุลในตะกร้าเงิน เพิ่มขึ้น 1.03% แตะที่ระดับ 100.639
ดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าเมื่อเทียบกับเงินเยน ที่ระดับ 145.88 เยน จากระดับ 143.87 เยนในวันพุธ (7 พ.ค.) ขณะเดียวกันก็แข็งค่าเมื่อเทียบกับฟรังก์สวิส ที่ระดับ 0.8312 ฟรังก์ จากระดับ 0.8242 ฟรังก์ และแข็งค่าเมื่อเทียบกับดอลลาร์แคนาดา ที่ระดับ 1.3928 ดอลลาร์แคนาดา จากระดับ 1.3836 ดอลลาร์แคนาดา
ยูโรอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ ที่ระดับ 1.1225 ดอลลาร์ จากระดับ 1.1303 ดอลลาร์ในวันพุธ ส่วนเงินปอนด์อ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ ที่ระดับ 1.3251 ดอลลาร์ จากกระดับ 1.3291 ดอลลาร์
ดอลลาร์แข็งค่าขึ้นหลังจากปธน.ทรัมป์แถลงข่าวที่ทำเนียบขาวในวันพฤหัสบดีว่า สหรัฐฯ ได้บรรลุข้อตกลงทางการค้ากับสหราชอาณาจักรแล้ว ซึ่งเป็นข้อตกลงฉบับแรกที่สหรัฐฯ ทำกับประเทศคู่ค้า นับตั้งแต่ที่ปธน.ทรัมป์ประกาศมาตรการเรียกเก็บภาษีศุลกากรตอบโต้กับประเทศต่าง ๆ ทั่วโลกในเดือนเม.ย.
สหราชอาณาจักรได้ตกลงที่จะปรับลดภาษีศุลกากรลงเหลือ 1.8% จากเดิม 5.1% และเปิดโอกาสให้สินค้าสหรัฐฯ เข้าถึงตลาดได้มากขึ้น ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของข้อตกลงการค้าครั้งใหม่นี้ ขณะที่ภาษีศุลกากรพื้นฐาน (Baseline Tariff) ในอัตรา 10% ที่สหรัฐฯ เรียกเก็บจากสินค้านำเข้าของสหราชอาณาจักรนั้น จะยังคงอยู่
ปธน.ทรัมป์ยังกล่าวด้วยว่า เขาคาดว่าการเจรจาการค้าระหว่างจีนและสหรัฐฯ ในช่วงสุดสัปดาห์นี้จะมีสาระสำคัญมากกว่าที่คิดไว้ และเขาจะไม่แปลกใจหากทั้งสองประเทศสามารถบรรลุข้อตกลง โดยสก็อตต์ เบสเซนต์ รัฐมนตรีคลังสหรัฐ และเจมีสัน กรีเออร์ ผู้แทนการค้าสหรัฐ จะพบปะกับเหอ หลี่เฟิง รองนายกรัฐมนตรีจีน ที่สวิตเซอร์แลนด์ในวันเสาร์นี้ เพื่อหารือเกี่ยวกับประเด็นภาษีศุลกากรและการค้า
คณะกรรมการนโยบายการเงิน (MPC) ของธนาคารกลางอังกฤษ (BoE) มีมติด้วยคะแนนเสียง 7-2 ในการปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบาย 0.25% สู่ระดับ 4.25% ในการประชุมเมื่อวานนี้ สอดคล้องกับการคาดการณ์ของนักวิเคราะห์
ส่วนข้อมูลเศรษฐกิจที่มีการรายงานเมื่อคืนนี้ กระทรวงแรงงานสหรัฐฯ เปิดเผยตัวเลขผู้ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรก ลดลง 13,000 ราย สู่ระดับ 228,000 รายในสัปดาห์ที่แล้ว ต่ำกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ที่ระดับ 231,000 ราย