ดอลลาร์แข็งค่าเทียบสกุลเงินหลัก หลังสหรัฐและจีนสามารถบรรลุข้อตกลงทางการค้า ส่งผลให้นักลงทุนคลายความกังวลเกี่ยวกับผลกระทบจากการทำสงครามการค้าระหว่างประเทศทั้งสอง ซึ่งมีขนาดเศรษฐกิจใหญ่เป็นอันดับ 1 และ 2 ของโลก
ณ เวลา 19.36 น.ตามเวลาไทย ดัชนีดอลลาร์ ซึ่งเป็นดัชนีวัดความเคลื่อนไหวของดอลลาร์เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก 6 สกุลในตะกร้าเงิน บวก 1.28% สู่ระดับ 101.63 ขณะที่ดอลลาร์แข็งค่า 1.22% สู่ระดับ 1.111 เทียบยูโร และดีดตัวขึ้น 1.91% สู่ระดับ 148.11 เยน
นายสก็อตต์ เบสเซนต์ รัฐมนตรีคลังสหรัฐ และนายเจมีสัน กรีเออร์ ผู้แทนการค้าสหรัฐ ได้พบปะกับนายเหอ หลี่เฟิง รองนายกรัฐมนตรีจีน ที่สวิตเซอร์แลนด์ในช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา ซึ่งทั้งสองฝ่ายสามารถบรรลุข้อตกลงทางการค้า โดยเห็นพ้องให้มีการปรับลดอัตราภาษีศุลกากรฝ่ายละ 115% เป็นเวลา 90 วัน ส่งผลให้อัตราภาษีของสหรัฐที่เรียกเก็บจากสินค้านำเข้าจากจีน ลดลงสู่ระดับ 30% จากเดิมที่ระดับ 145% ขณะที่อัตราภาษีของจีนที่เรียกเก็บจากสินค้านำเข้าจากสหรัฐ ลดลงสู่ระดับ 10% จากเดิมที่ระดับ 125%
นักลงทุนจับตาดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ซึ่งเป็นมาตรวัดเงินเฟ้อจากการใช้จ่ายของผู้บริโภค ประจำเดือนเม.ย.ในวันพรุ่งนี้
ทั้งนี้ ผลการสำรวจนักวิเคราะห์คาดว่า ดัชนี CPI ทั่วไป (Headline CPI) ซึ่งรวมหมวดอาหารและพลังงาน ปรับตัวขึ้น 2.4% ในเดือนเม.ย. หลังจากปรับตัวขึ้น 2.4% เช่นกันในเดือนมี.ค.
เมื่อเทียบรายเดือน คาดว่าดัชนี CPI ทั่วไป ปรับตัวขึ้น 0.3% ในเดือนเม.ย. หลังจากปรับตัวลง 0.1% ในเดือนมี.ค.
ส่วนดัชนี CPI พื้นฐาน (Core CPI) ซึ่งไม่นับรวมหมวดอาหารและพลังงาน คาดว่าปรับตัวขึ้น 2.8% ในเดือนเม.ย. เมื่อเทียบรายปี หลังจากปรับตัวขึ้น 2.8% เช่นกันในเดือนมี.ค.
เมื่อเทียบรายเดือน คาดว่าดัชนี CPI พื้นฐาน ปรับตัวขึ้น 0.3% ในเดือนเม.ย. หลังจากปรับตัวขึ้น 0.1% ในเดือนมี.ค.
นอกจากนี้ นักลงทุนจับตาถ้อยแถลงของนายเจอโรม พาวเวล ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ในสัปดาห์นี้ เพื่อหาสัญญาณบ่งชี้ภาวะเศรษฐกิจและทิศทางอัตราดอกเบี้ยสหรัฐ
ทั้งนี้ นายพาวเวลมีกำหนดกล่าวสุนทรพจน์ในการประชุม Thomas Laubach Research Conference ซึ่งจัดขึ้นที่กรุงวอชิงตัน ดีซี ในวันพฤหัสบดีที่ 15 พ.ค. เวลา 08.40 น. ตามเวลาสหรัฐ หรือตรงกับเวลา 19.40 น.ตามเวลาไทย
ในการแถลงข่าวต่อสื่อมวลชนภายหลังเสร็จสิ้นการประชุมนโยบายการเงินของเฟดในสัปดาห์ที่แล้ว นายพาวเวลส่งสัญญาณไม่รีบปรับลดอัตราดอกเบี้ย โดยระบุว่าอัตราเงินเฟ้อยังคงอยู่สูงกว่าเป้าหมายของเฟด