ภาวะตลาดเงินนิวยอร์ก: ดอลลาร์แข็งค่า หลังราคานำเข้าเพิ่ม-คาดการณ์เงินเฟ้อพุ่ง

สกุลเงินดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก ๆ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กในวันศุกร์ (16 พ.ค.) หลังข้อมูลเศรษฐกิจล่าสุดบ่งชี้ว่าราคานำเข้าของสหรัฐฯ กลับมาฟื้นตัว แม้ว่าความเชื่อมั่นของผู้บริโภคจะยังคงอยู่ในระดับต่ำ เนื่องจากความกังวลเกี่ยวกับภาษีนำเข้าที่เพิ่มขึ้น โดยดอลลาร์แข็งค่าต่อเนื่องเป็นสัปดาห์ที่ 4 ติดต่อกัน

ทั้งนี้ ดัชนีดอลลาร์ ซึ่งเป็นดัชนีวัดความเคลื่อนไหวของดอลลาร์เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก 6 สกุลในตะกร้าเงิน เพิ่มขึ้น 0.21% แตะที่ระดับ 101.092

ดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับเงินเยน โดยอยู่ที่ 145.90 เยนในวันศุกร์ (16 พ.ค.) จาก 145.68 เยนในวันพฤหัสบดี (15 พ.ค.), เมื่อเทียบกับฟรังก์สวิส ดอลลาร์สหรัฐเพิ่มขึ้นเป็น 0.8390 ฟรังก์ จาก 0.8362 ฟรังก์ และเมื่อเทียบกับดอลลาร์แคนาดา ดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าแตะ 1.3985 ดอลลาร์แคนาดา จาก 1.3966 ดอลลาร์แคนาดา

ยูโรอ่อนค่าลงมาอยู่ที่ 1.1152 ดอลลาร์สหรัฐในวันศุกร์ จากระดับ 1.1178 ดอลลาร์สหรัฐในวันพฤหัสบดี และปอนด์อังกฤษอ่อนค่าลงมาอยู่ที่ 1.3278 ดอลลาร์สหรัฐ จาก 1.3299 ดอลลาร์สหรัฐ

กระทรวงแรงงานสหรัฐฯ รายงานว่า ราคานำเข้าเดือนเม.ย.เพิ่มขึ้น 0.1% หลังจากที่ลดลง 0.4% ในเดือนมี.ค. โดยต้นทุนสินค้าทุน (capital goods) เพิ่มขึ้น แม้ราคาพลังงานถูกลง

ดอลลาร์สหรัฐเริ่มแข็งค่าขึ้น หลังผลสำรวจจากมหาวิทยาลัยมิชิแกนระบุว่า ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคลดลงมาอยู่ที่ 50.8 ในเดือนนี้ ซึ่งต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดไว้ที่ 53.4 และลดลงจากระดับสุดท้ายในเดือนเมษายนที่ 52.2

นอกจากนี้ การคาดการณ์เงินเฟ้อในช่วง 12 เดือนข้างหน้าของผู้บริโภคก็พุ่งขึ้นสู่ระดับ 7.3% ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนพ.ย. 2524 จากระดับ 6.5% ในการสำรวจครั้งก่อน

ดอลลาร์สหรัฐเริ่มต้นสัปดาห์ด้วยการพุ่งขึ้นมากกว่า 1% ในวันจันทร์ หลังจากสหรัฐฯ และจีนประกาศหยุดการเก็บภาษีส่วนใหญ่ที่ได้เริ่มใช้กับสินค้าของกันและกันมาตั้งแต่ต้นเดือนเม.ย.เป็นเวลา 90 วัน ซึ่งช่วยลดความกังวลเกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจถดถอยทั่วโลก