ดอลลาร์อ่อนค่าเทียบสกุลเงินหลัก หลังสหรัฐเปิดเผยเศรษฐกิจหดตัวในไตรมาส 1/2568 ขณะที่ตัวเลขผู้ยื่นขอสวัสดิการว่างงานพุ่งขึ้นเกินคาด
ณ เวลา 20.26 น.ตามเวลาไทย ดัชนีดอลลาร์ ซึ่งเป็นดัชนีวัดความเคลื่อนไหวของดอลลาร์เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก 6 สกุลในตะกร้าเงิน ลบ 0.45% สู่ระดับ 99.42 ขณะที่ดอลลาร์อ่อนค่า 0.52% สู่ระดับ 1.135 เทียบยูโร และร่วงลง 0.33% สู่ระดับ 144.34 เยน
กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยตัวเลขประมาณการครั้งที่ 2 สำหรับผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ประจำไตรมาส 1/2568 ในวันนี้ โดยระบุว่า เศรษฐกิจสหรัฐหดตัว 0.2% ในไตรมาสดังกล่าว ขณะที่ตัวเลขประมาณการครั้งที่ 1 ระบุว่าหดตัว 0.3% หลังจากมีการขยายตัว 2.4% ในไตรมาส 4/2567
เศรษฐกิจสหรัฐที่หดตัวในไตรมาส 1/2568 ได้รับผลกระทบจากการดิ่งลงของการใช้จ่ายของผู้บริโภค รวมทั้งตัวเลขนำเข้าที่พุ่งขึ้น 42.6% ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่ไตรมาส 3/2563 จากการที่บริษัทต่าง ๆ พากันนำเข้าสินค้าก่อนที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์จะประกาศมาตรการเรียกเก็บภาษีศุลกากรครั้งใหญ่ในเดือนเม.ย.
ทั้งนี้ ในปี 2567 เศรษฐกิจสหรัฐขยายตัว 1.4% ในไตรมาส 1, 3.0% ในไตรมาส 2, 3.1% ในไตรมาส 3 และ 2.4% ในไตรมาส 4
กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยตัวเลขผู้ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรก เพิ่มขึ้น 14,000 ราย สู่ระดับ 240,000 รายในสัปดาห์ที่แล้ว สูงกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ที่ระดับ 226,000 ราย
ดอลลาร์แข็งค่าในช่วงแรก ขานรับศาลสหรัฐมีคำสั่งระงับการใช้มาตรการภาษีศุลกากรของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์
ทั้งนี้ ศาลการค้าระหว่างประเทศของสหรัฐในกรุงนิวยอร์กมีคำสั่งวานนี้ให้ระงับการใช้มาตรการภาษีศุลกากรของปธน.ทรัมป์ โดยศาลวินิจฉัยว่า ปธน.ทรัมป์ใช้อำนาจเกินขอบเขต เนื่องจากรัฐธรรมนูญสหรัฐให้อำนาจแก่รัฐสภาในการกำหนดกฎเกณฑ์ด้านการค้ากับประเทศอื่น ๆ โดยไม่สามารถถูกแทนที่ด้วยอำนาจฉุกเฉินของประธานาธิบดี
นักลงทุนจับตาการเปิดเผยดัชนีราคาการใช้จ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคล (PCE) ในวันพรุ่งนี้ โดยดัชนี PCE ถือเป็นมาตรวัดเงินเฟ้อที่สามารถตรวจจับการเปลี่ยนแปลงในพฤติกรรมของผู้บริโภค และครอบคลุมราคาสินค้าและบริการในวงกว้างมากกว่าดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI)