สกุลเงินดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก ๆ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กในวันจันทร์ (16 มิ.ย.) ขณะที่นักลงทุนยังคงจับตาสถานการณ์ตึงเครียดระหว่างอิสราเอลและอิหร่าน รวมทั้งผลการประชุมนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ในสัปดาห์นี้
ทั้งนี้ ดัชนีดอลลาร์ซึ่งเป็นดัชนีวัดความเคลื่อนไหวของดอลลาร์เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก 6 สกุลในตะกร้าเงิน ลดลง 0.19% แตะที่ระดับ 97.998
ดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับดอลลาร์แคนาดา ที่ระดับ 1.3560 ดอลลาร์แคนาดา จากระดับ 1.3594 ดอลลาร์แคนาดา แต่ดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าเมื่อเทียบกับเงินเยน ที่ระดับ 144.60 เยน จากระดับ 143.96 เยน และแข็งค่าเมื่อเทียบกับฟรังก์สวิส ที่ระดับ 0.8128 ฟรังก์ จากระดับ 0.8115 ฟรังก์
ยูโรแข็งค่าเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ ที่ระดับ 1.1580 ดอลลาร์ จากระดับ 1.1541 ดอลลาร์ ส่วนเงินปอนด์แข็งค่าเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ ที่ระดับ 1.3596 ดอลลาร์ จากระดับ 1.3563 ดอลลาร์
นักลงทุนยังคงคิดตามสถานการณ์ตึงเครียดระหว่างอิสราเอลและอิหร่าน ขณะที่สื่อรายงานว่าอิหร่านพร้อมกลับมาเจรจาข้อตกลงนิวเคลียร์กับสหรัฐฯ หากอิสราเอลยุติการโจมตีอิหร่าน โดยหนังสือพิมพ์วอลล์สตรีท เจอร์นัลรายงานโดยอ้างแหล่งข่าวว่า เจ้าหน้าที่อิหร่านได้ส่งสัญญาณอย่างเร่งด่วนว่าต้องการยุติการสู้รบกับอิสราเอล และกลับสู่การเจรจาเกี่ยวกับโครงการนิวเคลียร์อีกครั้ง โดยอิหร่านได้ส่งข้อความดังกล่าวไปยังอิสราเอลและสหรัฐฯ ผ่านทางตัวกลางที่เป็นชาติอาหรับ
ด้านสำนักข่าวรอยเตอร์รายงานโดยอ้างแหล่งข่าวว่า อิหร่านได้เรียกร้องให้กาตาร์ ซาอุดีอาระเบีย และโอมาน พยายามกดดันให้ประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ใช้อิทธิพลของเขาเพื่อให้อิสราเอลทำข้อตกลงหยุดยิงกับอิหร่านในทันที นอกจากนี้ อิหร่านยังยื่นข้อเสนอว่าจะใช้ความยืดหยุ่นมากขึ้นในการเจรจาข้อตกลงนิวเคลียร์เพื่อแลกกับการหยุดยิง
สำหรับข้อมูลเศรษฐกิจที่มีการรายงานเมื่อคืนนี้ ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) สาขานิวยอร์ก เปิดเผยดัชนีภาคการผลิต (Empire State Index) ปรับตัวลง 7 จุด สู่ระดับ -16 ในเดือนมิ.ย. โดยเป็นการปรับตัวลงเป็นเดือนที่ 4 ติดต่อกัน และต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ -6 จากระดับ -9 ในเดือนพ.ค.
ทั้งนี้ ดัชนียังคงอยู่ในระดับต่ำกว่า 0 ซึ่งบ่งชี้ถึงภาวะหดตัวของภาคการผลิตในนิวยอร์ก โดยได้รับผลกระทบจากการร่วงลงของคำสั่งซื้อใหม่ แม้ว่าการจ้างงานเพิ่มขึ้น และภาคธุรกิจมีความเชื่อมั่นมากขึ้นต่อทิศทางในอนาคต
นักลงทุนจับตาการประชุมนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ในวันที่ 17-18 มิ.ย. โดยคาดว่าเฟดจะคงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับ 4.25-4.50% ในการประชุมครั้งนี้
นอกจากนี้ นักลงทุนยังรอดูถ้อยแถลงของเจอโรม พาวเวล ประธานเฟด เพื่อหาสัญญาณบ่งชี้ทิศทางอัตราดอกเบี้ยของเฟดในปีนี้ รวมทั้งจับตารายงานคาดการณ์อัตราดอกเบี้ยนโยบาย (Dot Plot) ของเจ้าหน้าที่เฟด และตัวเลขประมาณการเศรษฐกิจสหรัฐฯ ซึ่งได้แก่ ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) อัตราว่างงาน และอัตราเงินเฟ้อ