วุฒิสภาสหรัฐฯ มีมติผ่านร่างกฎหมายสำคัญเมื่อวันอังคาร (17 มิ.ย.) เพื่อจัดตั้งกรอบกำกับดูแลเหรียญสเตเบิลคอยน์ หรือคริปโทเคอร์เรนซีที่มีการตรึงมูลค่ากับดอลลาร์สหรัฐ โดยถือเป็นพัฒนาการที่สำคัญของอุตสาหกรรมสินทรัพย์ดิจิทัลที่กำลังเติบโตอย่างรวดเร็ว
ร่างกฎหมายดังกล่าวมีชื่อว่า GENIUS Act และได้รับเสียงสนับสนุนจากทั้งสองพรรคการเมือง โดยมีสมาชิกพรรคเดโมแครตร่วมลงมติเห็นชอบกับพรรครีพับลิกันซึ่งเป็นเสียงข้างมาก อย่างไรก็ตาม ร่างกฎหมายนี้ยังต้องผ่านความเห็นชอบจากสภาผู้แทนราษฎรก่อน ซึ่งพรรครีพับลิกันครองเสียงข้างมากเช่นกัน จากนั้นจึงจะเข้าสู่ขั้นตอนการลงนามโดยประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ เพื่อให้มีผลบังคับใช้เป็นกฎหมายต่อไป
แอนดรูว์ โอลเมม หุ้นส่วนจัดการจากสำนักงานกฎหมายเมเยอร์ บราวน์ (Mayer Brown) ซึ่งเคยดำรงตำแหน่งรองผู้อำนวยการสภาเศรษฐกิจแห่งชาติในรัฐบาลทรัมป์ระบุว่า การผ่านร่างกฎหมายนี้นับเป็นหมุดหมายสำคัญ เนื่องจากเป็นครั้งแรกที่มีการจัดตั้งกรอบกำกับดูแลอย่างเป็นทางการสำหรับเหรียญประเภทนี้
ทั้งนี้ สเตเบิลคอยน์เป็นคริปโทเคอร์เรนซีประเภทหนึ่งที่ออกแบบมาให้มีมูลค่าคงที่ โดยทั่วไปจะตรึงมูลค่ากับดอลลาร์สหรัฐในอัตรา 1:1 ซึ่งได้รับความนิยมอย่างมากในหมู่นักเทรดเพื่อหลีกเลี่ยงความผันผวนของราคาคริปโทฯ และยังถูกมองว่ามีศักยภาพในการเป็นเครื่องมือสำหรับการชำระเงินในอนาคต
ภายใต้ร่างกฎหมาย GENIUS Act นั้น มีการกำหนดให้เหรียญสเตเบิลคอยน์ต้องมีสินทรัพย์สภาพคล่องหนุนหลัง เช่น ดอลลาร์สหรัฐ หรือพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ ระยะสั้น อีกทั้งผู้ออกเหรียญจะต้องเปิดเผยข้อมูลเกี่ยวกับสินทรัพย์สำรองต่อสาธารณชนเป็นรายเดือน
ที่ผ่านมา อุตสาหกรรมคริปโทเคอร์เรนซีพยายามผลักดันให้ฝ่ายนิติบัญญัติกำหนดกฎเกณฑ์ที่ชัดเจนสำหรับสินทรัพย์ดิจิทัล ด้วยความเชื่อว่ากรอบกำกับดูแลที่แน่นอนจะส่งเสริมให้เหรียญสเตเบิลคอยน์ถูกนำมาใช้ในวงกว้างมากขึ้น ในการเลือกตั้งเมื่อปีก่อน กลุ่มผลประโยชน์ในอุตสาหกรรมคริปโทฯ ได้ทุ่มงบกว่า 119 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพื่อสนับสนุนผู้สมัครที่มีจุดยืนที่เป็นมิตรกับคริปโท และพยายามสร้างภาพลักษณ์ว่าเรื่องนี้ได้รับการสนับสนุนจากพรรคการเมืองทั้งสองฝ่าย