สกุลเงินดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก ๆ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กในวันจันทร์ (7 ก.ค.) ขณะที่นักลงทุนจับตามาตรการภาษีศุลกากรของสหรัฐฯ โดยล่าสุดประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ประกาศเรียกเก็บภาษีศุลกากรจากญี่ปุ่นและเกาหลีใต้ โดยมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 1 ส.ค.
ทั้งนี้ ดัชนีดอลลาร์ ซึ่งเป็นดัชนีวัดความเคลื่อนไหวของสกุลเงินดอลลาร์เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก 6 สกุลในตะกร้าเงิน เพิ่มขึ้น 0.53% แตะที่ระดับ 97.480
ดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าเมื่อเทียบกับเงินเยน ที่ระดับ 146.18 เยน จากระดับ 144.48 เยนในการซื้อขายหลังสุดเมื่อวันที่ 3 ก.ค. ขณะเดียวกันดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าเมื่อเทียบกับฟรังก์สวิส ที่ระดับ 0.7983 ฟรังก์ จากระดับ 0.7935 ฟรังก์ และแข็งค่าเมื่อเทียบกับดอลลาร์แคนาดา ที่ะรดับ 1.3662 ดอลลาร์แคนาดา จากระดับ 1.3604 ดอลลาร์แคนาดา
ยูโรอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ ที่ระดับ 1.1719 ดอลลาร์ จากระดับ 1.1779 ดอลลาร์ในวันพฤหัสบดีที่ 3 ก.ค. ส่วนเงินปอนด์อ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ ที่ระดับ 1.3612 ดอลลาร์ จากระดับ 1.3653 ดอลลาร์
ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐ เปิดเผยในวันจันทร์ว่า สหรัฐฯ จะเรียกเก็บภาษีศุลกากรต่อสินค้านำเข้าทุกรายการจากญี่ปุ่นและเกาหลีใต้ในอัตรา 25% โดยมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 1 ส.ค.
นอกจากนี้ ปธน.ทรัมป์ยังประกาศอัตราภาษีสำหรับประเทศอื่น ๆ โดยประเทศไทยจะถูกเรียกเก็บภาษีในอัตรา 36% ไม่เปลี่ยนแปลงจากระดับที่ปธน.ทรัมป์ได้ประกาศไว้เมื่อวันที่ 2 เม.ย. ขณะที่สินค้านำเข้าจากมาเลเซีย คาซัคสถาน และตูนิเซีย ที่นำเข้าสู่สหรัฐฯ จะถูกเรียกเก็บภาษีในอัตรา 25%
แคโรไลน์ เลวิตต์ โฆษทำเนียบขาวกล่าวว่า จะมีจดหมายส่งออกไปยังประเทศต่าง ๆ เพิ่มเติมในอีกไม่กี่วันข้างหน้า พร้อมกับกล่าวว่า ปธน.ทรัมป์จะลงนามในคำสั่งพิเศษเพื่อเลื่อนกำหนดเส้นตายวันพุธที่ 9 ก.ค. ออกไปเป็นวันที่ 1 ส.ค.
ปธน.ทรัมป์ยังประกาศว่าจะเรียกเก็บภาษีศุลกากรเพิ่มเติมอีก 10% ต่อประเทศที่ดำเนินนโยบายสอดคล้องกับกลุ่ม BRICS ซึ่งเขาระบุว่าเป็นนโยบายต่อต้านอเมริกา โดยกลุ่ม BRICS ประกอบด้วย บราซิล รัสเซีย อินเดีย จีน และแอฟริกาใต้
นักลงทุนจับตารายงานการประชุมวันที่ 17-18 มิ.ย.ของธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ซึ่งจะมีการเผยแพร่ในวันพุธ รวมทั้งการแสดงความเห็นของบรรดาเจ้าหน้าที่เฟดในสัปดาห์นี้ เพื่อหาสัญญาณบ่งชี้ทิศทางนโยบายการเงินของเฟด