สกุลเงินดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก ๆ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กในวันอังคาร (15 ก.ค.) หลังสหรัฐฯ เปิดเผยดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ซึ่งทำให้นักลงทุนคาดการณ์ว่าธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) อาจจะตรึงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับสูง
ทั้งนี้ ดัชนีดอลลาร์ ซึ่งเป็นดัชนีวัดความเคลื่อนไหวของสกุลเงินดอลลาร์เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก 6 สกุลในตะกร้าเงิน เพิ่มขึ้น 0.55% แตะที่ระดับ 98.616
ดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าเมื่อเทียบกับเงินเยน ที่ระดับ 148.85 เยน จากระดับ 147.76 เยนในวันจันทร์ (14 ก.ค.), แข็งค่าเมื่อเทียบกับฟรังก์สวิส ที่ระดับ 0.8018 ฟรังก์ จากระดับ 0.7979 ฟรังก์ และแข็งค่าเมื่อเทียบกับดอลลาร์แคนาดา ที่ระดับ 1.3716 ดอลลาร์แคนาดา จากระดับ 1.3700 ดอลลาร์แคนาดา
ยูโรอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ ที่ระดับ 1.1603 ดอลลาร์ จากระดับ 1.1670 ดอลลาร์ในวันจันทร์ ส่วนเงินปอนด์อ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ ที่ระดับ 1.3390 ดอลลาร์ จากระดับ 1.3428 ดอลลาร์
กระทรวงแรงงานสหรัฐฯ เปิดเผยว่าดัชนี CPI ซึ่งเป็นมาตรวัดเงินเฟ้อจากการใช้จ่ายของผู้บริโภค ปรับตัวขึ้น 2.7% ในเดือนมิ.ย. เมื่อเทียบรายปี สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 2.6% และสูงกว่าในเดือนพ.ค.ที่ปรับตัวขึ้น 2.4%
ส่วนดัชนี CPI พื้นฐาน (Core CPI) ซึ่งไม่นับรวมหมวดอาหารและพลังงาน ปรับตัวขึ้น 2.9% ในเดือนมิ.ย. เมื่อเทียบรายปี ซึ่งแม้จะต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าจะเพิ่มขึ้น 3.0% แต่ก็สูงกว่าในเดือนพ.ค.ที่ปรับตัวขึ้น 2.8%
ตัวเลข CPI ที่มีการเปิดเผยล่าสุดทำให้นักลงทุนมองว่ามาตรการภาษีศุลกากรของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ จะทำให้สหรัฐฯ เผชิญกับแรงกดดันด้านเงินเฟ้อเพิ่มขึ้นอีก และจะส่งผลให้เฟดตรึงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับสูง
นักลงทุนจับตาการเปิดเผยดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) ประจำเดือนมิ.ย.ของสหรัฐฯ ในวันนี้ เพื่อหาสัญญาณที่ชัดเจนมากขึ้นเกียวกับแนวโน้มเงินเฟ้อและอัตราดอกเบี้ยของเฟด