โฆษกรัฐบาลญี่ปุ่นแถลงในวันนี้ (17 ก.ค.) ว่า รัฐบาลมีความกังวลต่อความเคลื่อนไหวของตลาดปริวรรตเงินตราในช่วงที่ผ่านมา ซึ่งรวมถึงการเคลื่อนไหวที่เกิดจากการเก็งกำไร และกำลังจับตาอย่างใกล้ชิดต่อการพุ่งขึ้นของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาล
คาซูฮิโกะ อาโอกิ รองหัวหน้าเลขาธิการคณะรัฐมนตรีญี่ปุ่นกล่าวว่า อัตราแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศควรมีเสถียรภาพและสะท้อนปัจจัยพื้นฐานทางเศรษฐกิจ ความเห็นของเขามีขึ้นขณะที่เงินเยนอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ โดยเมื่อวันพุธ (16 ก.ค.) เยนได้อ่อนค่าทะลุระดับ 149 เยนต่อดอลลาร์ ซึ่งเป็นระดับอ่อนค่าสุดในรอบ 3 เดือน ขณะเดียวกัน อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลอายุ 10 ปีซึ่งเป็นอัตราอ้างอิง ได้พุ่งขึ้นแตะระดับ 1.595% สูงสุดนับตั้งแต่ปี 2551
สำนักข่าวเกียวโดรายงานว่า ความผันผวนในตลาดดังกล่าวดูเหมือนจะสะท้อนความกังวลเกี่ยวกับความเป็นไปได้ที่รัฐบาลจะเพิ่มการใช้จ่ายทางการคลังหลังการเลือกตั้งสมาชิกสภาสูงในช่วงสุดสัปดาห์นี้ โดยพรรคฝ่ายรัฐบาลของนายกรัฐมนตรีชิเงรุ อิชิบะ ซึ่งประกอบด้วยพรรคเสรีประชาธิปไตย (LDP) และพรรคโคเมโตะ (Komeito) กำลังเผชิญศึกหนักในการรักษาเสียงข้างมากไว้
ประเด็นขัดแย้งสำคัญคือภาษีการบริโภค โดยกลุ่มพรรคฝ่ายค้านชูนโยบายหาเสียงว่าจะลดหรือยกเลิกภาษีดังกล่าว ขณะที่นายกฯ อิชิบะปฏิเสธแนวคิดนี้ โดยอ้างถึงความจำเป็นในการหารายได้เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายด้านประกันสังคม หากพรรคฝ่ายรัฐบาลสูญเสียเสียงข้างมากไป อำนาจของนายกฯ อิชิบะอาจสั่นคลอนอย่างรุนแรง
ปัจจัยที่เพิ่มความไม่แน่นอนเข้ามาอีกคือ รายงานข่าวที่ว่าประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐฯ อาจปลด เจอโรม พาวเวล ประธานธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ซึ่งข่าวดังกล่าวได้สร้างความปั่นป่วนให้กับตลาดการเงิน
ความผันผวนนี้ตอกย้ำให้เห็นถึงสถานะทางการคลังที่เปราะบางของญี่ปุ่น ซึ่งย่ำแย่ที่สุดในกลุ่มประเทศที่พัฒนาแล้ว สถานการณ์ยังถูกซ้ำเติมจากการที่ธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) กำลังทยอยลดการเข้าซื้อพันธบัตรรัฐบาล ในขณะที่ปรับเปลี่ยนมาตรการออกจากนโยบายการเงินแบบผ่อนคลายพิเศษ (ultraloose monetary policy) ที่ใช้มานานหลายปี