พอล แอตกินส์ ประธานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ของสหรัฐฯ (SEC) เปิดเผยเมื่อวันพฤหัสบดี (31 ก.ค.) ว่า เขาได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ของ SEC จัดทำแนวทางเพื่อกำหนดว่าโทเคนดิจิทัลแบบใดเข้าข่ายเป็นหลักทรัพย์ รวมถึงยกร่างข้อเสนอเกี่ยวกับการเปิดเผยข้อมูลและข้อยกเว้นต่าง ๆ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของแผนปฏิรูปครั้งใหญ่ด้านกฎระเบียบตลาดทุนเพื่อรองรับคริปโทเคอร์เรนซีและเทคโนโลยีบล็อกเชน
เขายังระบุว่า ได้ขอให้เจ้าหน้าที่ของ SEC ร่วมมือกับบริษัทที่ต้องการออกหลักทรัพย์ในรูปแบบโทเคน ไม่ว่าจะเป็นหุ้นหรือกองทุนที่อิงกับบล็อกเชน ซึ่งกำลังได้รับความสนใจเพิ่มขึ้นจากนักลงทุนรายใหญ่ในวงการคริปโทฯ
ข้อเสนอของแอตกินส์ถูกนำเสนอในเวทีของสถาบัน America First Policy Institute ซึ่งเป็นหน่วยงานที่ก่อตั้งขึ้นเพื่อสนับสนุนนโยบายของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ โดยเขากล่าวว่า สิ่งที่กำลังดำเนินการอยู่นี้ไม่ใช่เพียงการเปลี่ยนแปลงด้านกฎระเบียบ แต่เป็นโอกาสครั้งประวัติศาสตร์
รายละเอียดแผนของเขาถูกเผยแพร่เพียงหนึ่งวัน หลังจากคณะทำงานด้านคริปโทฯ ที่จัดตั้งโดยทรัมป์ เรียกร้องให้ SEC จัดทำกฎเกณฑ์เฉพาะสำหรับสินทรัพย์ดิจิทัล พร้อมทั้งสะท้อนมุมมองของฝ่ายบริหารต่อร่างกฎหมายสำคัญที่คาดว่าจะเป็นตัวกำหนดทิศทางของตลาดคริปโทฯ ในอนาคต
ในรายงานฉบับหนึ่งที่ถือว่าเป็นหมุดหมายสำคัญ ทำเนียบขาวได้เรียกร้องให้ SEC และคณะกรรมาธิการการซื้อขายสินค้าโภคภัณฑ์ล่วงหน้า (CFTC) ใช้อำนาจที่มีอยู่เพื่อเร่งให้เกิดการซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัลในระดับประเทศโดยทันที
หากข้อเสนอของแอตกินส์ได้รับการนำไปใช้จริง จะถือเป็นการเปลี่ยนแปลงในระดับโครงสร้างของระบบกำกับดูแลตลาดทุนสหรัฐฯ และอาจเปิดทางให้คริปโทเคอร์เรนซีสามารถผสานเข้ากับระบบการเงินดั้งเดิมได้มากยิ่งขึ้น
ทั้งนี้ ตลอดช่วงการหาเสียงเลือกตั้งเมื่อปีที่ผ่านมา ทรัมป์ได้แสดงจุดยืนสนับสนุนคริปโทฯ โดยประกาศว่าจะเป็น "ประธานาธิบดีคริปโทฯ" และผลักดันให้เกิดการใช้สินทรัพย์ดิจิทัลอย่างแพร่หลายในประเทศ
ขณะเดียวกัน ผู้บริหารในแวดวงคริปโทฯ จำนวนมากเคยวิจารณ์รัฐบาลของประธานาธิบดีโจ ไบเดนว่า มีท่าทีเป็นปฏิปักษ์ต่อสินทรัพย์ดิจิทัล และมักแสดงความไม่พอใจต่อการที่ SEC ภายใต้การนำของไบเดนยื่นฟ้องบริษัทคริปโทฯ หลายแห่ง โดยกล่าวหาว่าโทเคนส่วนใหญ่เข้าข่ายเป็นหลักทรัพย์ที่ไม่ได้จดทะเบียนอย่างถูกต้องตามกฎหมาย
แผนการของแอตกินส์นับเป็นความคืบหน้าครั้งสำคัญที่อุตสาหกรรมคริปโทฯ เรียกร้องมาอย่างยาวนาน เพื่อให้มีกฎเกณฑ์ที่ออกแบบเฉพาะสำหรับสินทรัพย์ดิจิทัลแทนการใช้กฎหมายหลักทรัพย์แบบดั้งเดิมที่ไม่สอดคล้องกับเทคโนโลยีใหม่ในปัจจุบัน