ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯ เคลื่อนไหวในกรอบแคบในวันนี้ (12 ส.ค.) ก่อนการเปิดเผยตัวเลขเงินเฟ้อของสหรัฐฯ ณ เวลา 19.30 น. ตามเวลาไทย ซึ่งเป็นข้อมูลสำคัญต่อทิศทางนโยบายของธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) โดยความระมัดระวังของนักลงทุนได้จำกัดการแข็งค่าของเงินปอนด์หลังการเปิดเผยข้อมูลการจ้างงาน และชะลอการอ่อนค่าของเงินดอลลาร์ออสเตรเลีย
ณ เวลา 18.34 น.ตามเวลาไทย ดัชนีดอลลาร์ซึ่งเป็นดัชนีวัดความเคลื่อนไหวของดอลลาร์เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก 6 สกุลในตะกร้าเงิน บวก 0.08% สู่ระดับ 98.60
ดอลลาร์แข็งค่าขึ้น 0.22% สู่ระดับ 148.47 เยน ขณะที่ยูโรอ่อนค่าลงเล็กน้อยสู่ระดับ 1.1603 ดอลลาร์
เงินปอนด์เป็นหนึ่งในสกุลเงินที่เคลื่อนไหวโดดเด่น โดยแข็งค่าขึ้น 0.16% เมื่อเทียบกับดอลลาร์สู่ระดับ 1.3454 ดอลลาร์ หลังข้อมูลชี้ว่าตลาดแรงงานของอังกฤษอ่อนแอลงอีก แต่ในอัตราที่ช้าลง ขณะที่การเติบโตของค่าจ้างยังคงแข็งแกร่ง ซึ่งประเด็นหลังนี้ตอกย้ำให้เห็นว่าเหตุใดธนาคารกลางอังกฤษ (BoE) จึงระมัดระวังอย่างยิ่งในการลดอัตราดอกเบี้ย
เงินดอลลาร์ออสเตรเลียเคลื่อนไหวที่ 0.6482 ดอลลาร์สหรัฐ อ่อนค่าลง 0.48% หลังธนาคารกลางออสเตรเลีย (RBA) มีมติตัดสินใจลดอัตราดอกเบี้ยลง 0.25% ตามที่ตลาดคาดการณ์ไว้ โดยธนาคารกลางได้อ้างถึงภาวะเงินเฟ้อที่ชะลอตัวและตลาดแรงงานที่ผ่อนคลายลง แต่ยังคงระมัดระวังเกี่ยวกับแนวโน้มการผ่อนคลายนโยบายเพิ่มเติม
เงินหยวนของจีนเคลื่อนไหวทรงตัวที่ระดับ 7.19 หยวนต่อดอลลาร์ในการซื้อขายนอกประเทศจีน
สกุลเงินคริปโทเคอร์เรนซีอย่างบิตคอยน์ทรงตัวที่ราว 118,523 ดอลลาร์ หลังจากที่เคยพุ่งขึ้นไปถึง 122,308.25 ดอลลาร์ในวันจันทร์ ซึ่งเข้าใกล้จุดสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 123,153.22 ดอลลาร์เมื่อกลางเดือนก.ค.
หากตัวเลขเงินเฟ้อสหรัฐฯ ออกมาในระดับปานกลาง ก็อาจเป็นการตอกย้ำกระแสคาดการณ์ว่าเฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยในเดือนหน้า หลังข้อมูลการจ้างงานออกมาอ่อนแอเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว
แต่หากมีสัญญาณว่ามาตรการภาษีของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐฯ กำลังผลักดันให้เงินเฟ้อสูงขึ้น ก็อาจสร้างแรงกดดันให้เฟดคงอัตราดอกเบี้ยไว้ แม้ว่าโอกาสที่จะเป็นเช่นนั้นจะมีน้อยกว่าก็ตาม ซึ่งสถานการณ์ดังกล่าวจะยิ่งเพิ่มความตึงเครียดกับทรัมป์ ผู้ซึ่งเรียกร้องให้เฟดลดดอกเบี้ยมาโดยตลอด
นักเศรษฐศาสตร์คาดว่า ดัชนีราคาผู้บริโภคพื้นฐาน (Core CPI) ประจำเดือนก.ค. จะเพิ่มขึ้น 0.3% ซึ่งจะผลักดันให้อัตราเงินเฟ้อรายปีสูงขึ้นสู่ระดับ 3% ขณะที่นักลงทุนในตลาดเงินให้น้ำหนักโอกาสที่จะมีการลดดอกเบี้ย 0.25% ในวันที่ 17 ก.ย. ไว้ที่ประมาณ 89% และคาดการณ์ว่าจะมีการลดดอกเบี้ยในลักษณะเดียวกันอีก 2 ครั้งภายในสิ้นปีนี้