สกุลเงินดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก ๆ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กในวันศุกร์ (22 ส.ค.) หลังเจอโรม พาวเวล ประธานธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ส่งสัญญาณปรับลดอัตราดอกเบี้ยในการกล่าวสุนทรพจน์ที่การประชุมในเมืองแจ็กสัน โฮล รัฐไวโอมิง
ทั้งนี้ ดัชนีดอลลาร์ซึ่งเป็นดัชนีวัดความเคลื่อนไหวของสกุลเงินดอลลาร์เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก 6 สกุลในตะกร้าเงิน ลดลง 0.92% แตะที่ระดับ 97.716
ดอลลาร์สหรัฐอยู่ที่ 146.87 เยนในวันศุกร์ (22 ส.ค.) อ่อนค่าจาก 148.35 เยนในการซื้อขายวันพฤหัสบดี (21 ส.ค.), ดอลลาร์สหรัฐ อ่อนค่าลงสู่ 0.8011 ฟรังก์สวิส จาก 0.8089 ฟรังก์สวิส และดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงแตะ 1.3825 ดอลลาร์แคนาดา จาก 1.3899 ดอลลาร์แคนาดา
ส่วนยูโรแข็งค่าขึ้นแตะ 1.1722 ดอลลาร์ในวันศุกร์ จาก 1.1610 ดอลลาร์ และเงินปอนด์อังกฤษแข็งค่าขึ้นสู่ 1.3526 ดอลลาร์ จาก 1.3419 ดอลลาร์
นักลงทุนให้น้ำหนักมากกว่า 90% กับการคาดการณ์ที่ว่า เฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงในการประชุมเดือนก.ย. หลังการกล่าวสุนทรพจน์ของพาวเวล
ล่าสุด FedWatch Tool ของ CME Group บ่งชี้ว่า นักลงทุนให้น้ำหนัก 91.5% ในการคาดการณ์ว่า เฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ย 0.25% สู่ระดับ 4.00-4.25% ในการประชุมเดือนก.ย. เพิ่มขึ้นจากเดิมที่ให้น้ำหนักเพียง 75.0% เมื่อวันพฤหัสบดี
นอกจากนี้ นักลงทุนคาดการณ์ว่า เฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยอีก 0.25% สู่ระดับ 3.75-4.00% ในการประชุมเดือนธ.ค.
พาวเวลกล่าวว่า แม้อัตราการว่างงานของสหรัฐยังคงอยู่ในระดับต่ำ แต่นโยบายที่ยังคงเข้มงวด, แนวโน้มเศรษฐกิจโดยรวม และดุลความเสี่ยงที่เปลี่ยนแปลงไป อาจทำให้เฟดจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนจุดยืนด้านนโยบาย ซึ่งเป็นการส่งสัญญาณที่ชัดเจนมากกว่าครั้งก่อน ๆ ว่า พาวเวลกำลังพิจารณาการปรับลดอัตราดอกเบี้ย
นอกจากนี้ พาวเวลกล่าวว่า ดุลความเสี่ยงกำลังเปลี่ยนแปลงไประหว่างภารกิจทั้งสองของเฟดซึ่งได้แก่ การจ้างงานเต็มศักยภาพ และการรักษาเสถียรภาพด้านราคา พร้อมทั้งระบุถึงการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในด้านนโยบายภาษี การค้า และการย้ายถิ่นฐาน
พาวเวลระบุว่า มีความเสี่ยงทั้งจากการว่างงานที่อาจเพิ่มขึ้น และจากเงินเฟ้อที่ยังคงอยู่ในระดับสูง ซึ่งทำให้เฟดเผชิญสถานการณ์ที่ยากลำบาก เนื่องจากโดยปกติแล้ว เฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยเพื่อกระตุ้นการจ้างงาน แต่ในขณะเดียวกันก็ต้องคงดอกเบี้ยไว้ในระดับสูง หรือปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเพื่อควบคุมเงินเฟ้อ